สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เครื่องจักรกลการเกษตร แก้ปัญหาการเผาก่อนตัด‘อ้อย’
23/04/2015
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-9/s720x720/11183447_797437320352286_1329531262605230185_n.jpg?oh=a38744dcba4c8e101fd0edcd8470c08d&oe=55E233C5&__gda__=1436382072_34e3bd52f7e125acf37804a42c8f0e83

ปัญหาการทำไร่อ้อยของเกษตรกรส่วนใหญ่ นอกจากเรื่องความแห้งแล้งแล้ว ยังประสบกับปัญหาความอุดมสมบูรณ์ของดินค่อนข้างต่ำ เนื่องจากการกระทำของเกษตรกรเอง ที่เลือกใช้วิธีการเผาใบและเศษซากอ้อย เพราะเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว แต่นำมาซึ่งผลกระทบมากมาย โดยเฉพาะการทำลายอินทรียวัตถุในดิน ทำให้ประสิทธิภาพในการเพาะปลูกลดลง

นายอรรถสิทธิ์ บุญธรรม นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขต 5 กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีการเผาใบและเศษซากอ้อยอยู่ด้วยกัน 3 ลักษณะ คือ 1.การเผาใบอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว สาเหตุหลักๆ เกิดจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวอ้อย รวมทั้งเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตัดอ้อย 2.การเผาใบอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว ไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดจะมีใบอ้อยคลุมดินที่เป็นเชื้อเพลิงที่อาจจะไหม้อ้อยตอ ดังนั้นหลังเก็บเกี่ยว ก่อนอ้อยจะงอกชาวไร่จึงเผาใบอ้อยเพื่อป้องกันไฟไหม้ 3.การเผาใบและเศษซากอ้อยก่อนการเตรียมดิน เมื่อตัดอ้อยปีสุดท้ายต้องรื้อปลูกใหม่ เกษตรกรจะเผาใบและเศษซากอ้อย เพื่อสะดวกต่อการเตรียมดินในการใช้รถแทรกเตอร์เข้าไถปรับสภาพพื้นที่

ดังนั้น ในแต่ละปีมีพื้นที่ปลูกอ้อยมากกว่า 4 ล้านไร่ มีการเผาใบและเศษซากอ้อย โดยพื้นที่ 1 ไร่ มีใบและเศษซากอ้อยตกค้างอยู่ในไร่ประมาณ 0.63–1.51 ตัน ในแต่ละปีประเทศไทยมีการเผาใบและเศษซากอ้อยอยู่ระหว่าง 2.52–6.16 ล้านตัน ในใบและเศษซากอ้อยมีไนโตรเจนอยู่ระหว่าง 0.35–0.66% ดังนั้นประเทศไทยจะมีการสูญเสียไนโตรเจนในดินจากการเผาใบและเศษซากอ้อย 8,820–40,656 ตันไนโตรเจนต่อปี นอกจากนี้ การเผาใบและเศษซากอ้อย ทำให้ดินเกิดปัญหาทางด้านกายภาพของดิน ดินแน่นทึบ รากอ้อยเจริญเติบโตได้ไม่ดี อ้อยไม่ทนแล้ง โดยเฉพาะเมื่อปีใดฝนตกน้อย มีความแห้งแล้งสูงอ้อยที่ปลูกในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำจะแสดงอาการขาด น้ำก่อนพื้นที่ที่ดินค่อนข้างสมบูรณ์ อีกทั้งผลผลิตต่อไร่ลดลง อ้อยมีการไว้ตอด้อยลงด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าอ้อยที่มีการเผาใบจะมีหนอนกอเข้าทำลายมากกว่าอ้อยตอที่มีใบคลุมดิน ดังนั้น การเผาจะทำให้เกษตรกรต้องลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งการใส่ปุ๋ยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินหรือค่าใช้จ่ายในการรื้อตอ เพื่อปลูกใหม่บ่อยขึ้น

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี จึงได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรกลการเกษตรแก้ปัญหาการเผาใบอ้อย ที่จะช่วยลดการเผาได้ครอบคลุมทั้ง 3 ลักษณะ เริ่มจาก เครื่องตัดอ้อยสดชนิดตัดเป็นลำ แก้ปัญหาการเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว เครื่องนี้มีส่วนประกอบหลักคือรถแทรกเตอร์ขนาด 70 แรงม้า ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถตัดอ้อย และอีกชุดเป็นเครื่องตัดอ้อยพร้อมถาดรับลำอ้อย ที่ถ่ายทอดกำลังด้วยโซ่และสายพานทดแทนการใช้ระบบไฮโดรลิค ที่สำคัญคือระบบการแยกใบอ้อยจากลำ โดยใช้สายสลิงมายึดเกาะกับลูกกลิ้งเพื่อขัดใบออกจากลำ ก่อนที่ลำอ้อยจะพุ่งขึ้นไปที่มีดตัดยอดและลำเลียงขึ้นสู่ถาดรับ ซึ่งการแยกใบอ้อยออกจากลำนี้ถือเป็นนวัตกรรมที่กรมวิชาการเกษตรคิดค้นได้ เป็นรายแรก

เมื่อตัดอ้อยเสร็จเกษตรกรก็จะเผาใบอ้อยหลังเก็บเกี่ยว จึงได้คิดค้น เครื่องสับใบระหว่างแถวอ้อยตอ ใช้สำหรับสับใบอ้อยลงดิน ป้องกันไม่ให้ใบอ้อยที่คลุมดินไหม้อ้อยตอระหว่างแถวอ้อย และเมื่อตัดอ้อยปีสุดท้ายต้องรื้อปลูกใหม่ เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมเผาใบเพื่อสะดวกต่อการไถพรวน ดังนั้น จึงสร้าง เครื่องสับใบและกลบเศษซากอ้อย เพื่อทดแทนการเผาได้ โดยหนึ่งชุดจะมีผาล 2 อัน ผาลหนึ่งทำหน้าที่สับใบ อีกผาลพลิกดินกลบ

ทั้งนี้ เครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อแก้ปัญหาการเผาในไร่อ้อยทั้ง 3 เครื่องนี้ เป็นผลงานวิจัยที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี กรมวิชาการเกษตร คิดค้นขึ้นมาโดยคำนึงถึงเครื่องจักรกลที่เหมาะสมกับขนาดแรงม้าของรถ แทรกเตอร์ในประเทศไทย รวมถึงประเทศกลุ่มเออีซี ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้จดสิทธิบัตรเครื่องจักรกลดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบ ร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรไม่ได้ทำหน้าที่แค่วิจัยเพื่อให้ได้ชิ้นงานหรือนวัตกรรมออก มาเท่านั้น กรมได้จับมือกับภาคเอกชน ได้แก่ ผู้ผลิตเครื่องจักรกล กลุ่มโรงงานน้ำตาลมิตรผล กลุ่มโรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรือง เพื่อเผยแพร่ความรู้เหล่านี้ไปสู่เกษตรกรชาวไร่อ้อยต่อไป และที่น่าภูมิใจจากผลงานดังกล่าวทำให้ได้รับรางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติ ประจำปี 2557 ประเภทรางวัลนวัตกรรมการบริการที่เป็นเลิศระดับดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

โดยมีภาคเอกชนหลายราย นำเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรไปต่อยอดผลิตเป็นเครื่องจักรกลจำหน่าย โดยเฉพาะเครื่องสับใบและกลบเศษซากอ้อย ที่สามารถนำประยุกต์ใช้ในการไถกลบตอซังข้าว ตอสับปะรด หรือพืชตระกูลถั่วที่ทำเป็นปุ๋ยพืชสดได้ดี ซึ่งขณะนี้น่าจะมีการผลิตออกมาไม่ต่ำกว่า 1,000 ชุด นั่นหมายความว่าจากผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตร จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศจากการลดเผาใบและเศษซากพืชได้อย่างดี และการไถกลบยังช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน เพิ่มผลผลิตให้กับพืชผลของเกษตรกร พร้อมกันนี้ ยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละมหาศาล

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.