สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ปลุกเวสเทิร์น ซีบอร์ด เหล้าเก่าในขวดใหม่!!!
22/04/2015
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล

นโยบายฟื้น"เวสเทิร์น ซีบอร์ด" หรือการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก กลับมาเป็นหนังม้วนเก่า มาฉายใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านั้นสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ(สศช.)ทำการศึกษาความเป็นไปได้ ก็จะมีพื้นที่เป้าหมาย 6 จังหวัดกาญจนบุรี สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร  และถ้าเวสเทิร์น ซีบอร์ดจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีอุตสาหกรรมหนักในพื้นที่ เช่น โรงถลุงเหล็ก โรงงานผลิตเหล็กแปรรูปขั้นปลาย โรงไฟฟ้า  และมองว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้ภาครัฐโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย(กนอ.) ต้องนำร่อง

โดยความพยายามผลักดันให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก ครั้งนี้ดูจริงจังมากขึ้น หลังจากที่ จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยึดที่ทำการกระทรวงอุตสาหกรรม หารือกับกลุ่มผู้บริหารสหวิริยาก่อนหน้านี้ โดยท่าทีภาคเอกชนเหมือนแบ่งรับ แบ่งสู้  ยังไม่พร้อมเปิดปากผ่านสื่อถึงความชัดเจนดังกล่าว  ในขณะที่ซีกรัฐบาลอาศัยโหนกระแสนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษประกาศเดินหน้าเวส เทิร์น ซีบอร์ด โดยยกประเด็นต่อยอดของที่มีอยู่แล้ว (หมายถึงที่ดินกว่า9พันไร่ของกลุ่มสหวิริยา ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธุ์) พัฒนายกระดับขึ้นมาเป็นแหล่งลงทุนในอุตสาหกรรมหนัก ที่ยังต้องติดตามว่าสุดท้ายแล้วครม.เศรษฐกิจจะได้ข้อสรุปอย่างไรต้องจับตาดู นับแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป

                             https://scontent-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/11168893_796807917081893_343912680617050387_n.jpg?oh=2989bf00780179c1ded29410523f7e08&oe=55D9D931

ท่าเรือนํ้าลึกของกลุ่ม “สหวิริยา” ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

-ชงปลุกเวสเทิร์นผุดโรงถลุงเหล็ก
ดู รูปการแล้วยังไม่กล้าฟันธงว่า ถึงที่สุดแล้ว โครงการ"เวสเทิร์น ซีบอร์ด"จะกลับมาผงาดได้จริงหรือเปล่าด้วยเหตุผลที่รัฐบาลคสช.(คณะรักษาความ สงบแห่งชาติ)มีช่วงเวลาบริหารประเทศ ระยะสั้นการผลักดันโครงการขนาดใหญ่อย่างเวสเทิร์น ซีบอร์ด ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เร็ว ยกเว้นว่าถ้ารัฐบาล คสช. จะสามารถปลุกโครงการนี้ขึ้นมาได้แค่ระยะตั้งไข่แล้วจารึกไว้เป็นลายลักษณ์ อักษรว่า หากรัฐบาลใหม่เข้ามาต้องสานต่อก็จะเหนือความคาดหมาย เพราะถ้าทำได้จะยิ่งเพิ่มดีกรีความเชื่อมั่นให้นักลงทุนไทยอย่างกลุ่มสหวิริ ยาในฐานะเจ้าของที่ดินที่ลงทุนลงแรงมาก่อนมีความหวังมากขึ้น ที่จะได้เห็นการลงทุนในพื้นที่บูมขึ้นมาได้เสียที ในขณะที่ทุนต่างชาติจะมองว่านโยบายส่งเสริมลงทุนในเวสเทิร์น ซีบอร์ด มีความต่อเนื่องมั่นใจว่านโยบายไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว

นอกจากนี้ยังต้องมาลุ้นด้วยว่าทุนต่างชาติ รายเดิมๆ อย่างบริษัท นิปปอนสตีลฯและเจเอฟอี สตีล จากญี่ปุ่น หรือทุนเกาหลี เช่น กลุ่มพอสโก ที่เคยสนใจแสดงเจตจำนงจะเข้ามาตั้งโรงถลุงเหล็กในประเทศไทยผ่านทางสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เมื่อหลายปีก่อน อยากจะกลับมาปัดฝุ่นผุดโครงการดังกล่าวอีกครั้งหรือไม่ในขณะที่ท่ามกลาง เศรษฐกิจโลกยังไม่ดี บริษัทแม่ต่างระแวดระวังการลงทุนนอกบ้านมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เวลานี้ประเทศไทยมีคู่แข่งจากเพื่อนบ้านที่มาแรงและเหนือ กว่าในเรื่องค่าแรงงานขั้นต่ำ ราคาที่ดิน รวมถึงการรุกคืบชูนโยบายเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้ทุนต่างชาติต้องกลับมาชั่งน้ำหนักกันใหม่อีกครั้งว่าควรตอกเสาเข็มใน ประเทศไหนถึงจะได้ผลตอบแทนกลับไปที่คุ้มค่าที่สุดในเวลานี้ 
-ชี้ที่บางสะพานไม่ใช่เวสเทิร์นฯ
    ต่อกรณีดังกล่าวมาฟังมุมมองของนักวิชาการ ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ด้านพลังงานแสดงความเห็นว่าไม่เห็นที่เรียก ว่าพื้นที่ของสหวิริยาที่ อ.บางสะพานเป็น เวสเทิร์น ซีบอร์ด เพราะเป็นฝั่งอ่าวไทย ส่วนความคิดที่จะมีโรงถลุงเหล็กเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ เพื่อมาสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ อู่ต่อเรือ โดยที่ยังมีรัฐบาลคอยให้การสนับสนุนให้การปกป้องคุ้มครองอยู่ก็ไม่เห็นด้วย อีกเช่นกัน เพราะอุตสาหกรรมเหล็กจะได้รับการคุ้มครองมาโดยตลอดทั้ง มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี)มาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด)

นอกจากนี้เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วโรงถลุง เหล็กในประเทศไทยเมื่อเกิดขึ้นมาก็ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ อย่างจีน เกาหลี อินเดียได้ ในขณะที่การผลักดันตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อมาซัพพอร์ตโรงถลุงเหล็กก็ต้องเจอแรง ต้านจากชุมชนอยู่เนื่องๆ

ส่วนพื้นที่ที่เหมาะสมพร้อมที่จะเรียกว่า เป็น"เวสเทิร์น ซีบอร์ด" ได้น่าจะเป็นที่ปากบารา จ.สตูล หรือที่ จ.พังงาและที่กระบี่ ที่เป็นจุดเชื่อมมีถนนมาที่ขนอมก็น่าจะเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ  แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นพื้นที่ที่ยังมีเสียงคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่อยู่ นอกจากนั้นยังมองถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่มี ศักยภาพตั้งโรงถลุงเหล็กในพื้นที่ที่ทวาย ประเทศเมียนมาร์ ในส่วนนี้ถ้าไทยมีข้อตกลงด้านความร่วมมือกับเมียนมาร์ได้ก็จะได้ประโยชน์ ร่วมกัน โดยนักลงทุนทั่วโลกจะให้ความสนใจ เพราะทางหนึ่งเมื่อเข้าไปลงทุนแล้วจะได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี)  อีกทั้งค่าแรงงานขั้นต่ำถูกกว่า รวมถึงในเมียนมาร์ก็เริ่มเปิดประเทศ จะมีการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในมากขึ้น

-ยังต้องลุ้นเกิดไม่เกิด
สำรวจ มุมมองของผู้เชี่ยวชาญในวงการเหล็กหลายราย ตั้งข้อสังเกตว่าการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในพื้นที่หลายจังหวัดที่อยู่ติดทะเลและเชื่อมโยงถึง ประเทศเพื่อนบ้าน  ส่วนการกลับมาผลักดันให้เกิดโรงถลุงเหล็กนั้น มั่นใจว่าส่วนนี้ เลยความสนใจของกลุ่มสหวิริยาไปแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผิดหวังกับการผลักดันให้เกิดขึ้นในประเทศไทย จนต้องล้มเลิกไปเมื่อปี 2550 จนสุดท้ายเมื่อปลายปี 2553 เอสเอสไอได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Corus UK กิจการในกลุ่ม Tata Steel เพื่อเข้าซื้อโรงงานถลุงเหล็กกล้าครบวงจร Teesside Cast Products (TCP) ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษมูลค่าประมาณ 469 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีสถาบันการเงินให้การสนับสนุน เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย

ดังนั้นถ้าจะเกิดโรงถลุงเหล็กขึ้นในประเทศ ไทยน่าจะเกิดจากกลุ่มทุนต่างชาติในพื้นที่อีสเทิร์น ซีบอร์ด  ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนในพื้นที่ของกลุ่มสหวิริยาก็ได้เพราะมีความพร้อมด้าน โครงสร้างพื้นฐานไปแล้วบางส่วนโดยเฉพาะท่าเรือน้ำลึก จะเห็นว่าการผลักดันให้เกิดโรงถลุงเหล็กขึ้นในประเทศไทยมีความพยายามมาแล้ว เกือบ 30 ปี ตั้งแต่รุ่นบุกเบิกของคนในวงการเหล็กเช่น  วิทย์ วิริยประไพกิจ จากกลุ่มสหวิริยา, สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง อดีตผู้บริหารกลุ่มเอ็นทีเอส สตีล ,สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล กลุ่มจี สตีล ที่โชกโชนสุดขีดในยุคอุตสาหกรรมเหล็กบูมช่วงเศรษฐกิจเกิดฟองสบู่ระหว่างปี 2532-2538 ที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเติบโตในอัตราที่สูงมากส่งผลให้อุปสงค์ของเหล็ก เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยุคนั้นจึงเกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กอย่างคึกคักจนมาตกหลุมอากาศเมื่อปี 2540 ด้วยพิษวิกฤติเศรษฐกิจจนเซียนวงการเหล็กหลายรายต้องล้มบนฟูก ส่วนหนึ่งก็ถูกซื้อกิจการหรือถูกเปลี่ยนมือไป รวมถึงการโบกมือลาวงการเหล็กไปเลย จนมาถึงเจเนอเรชันที่ 2 ก็ยังผลักดันไม่สำเร็จกลายเป็นมหากาพย์ที่ร่ายยาวมาจนถึงทุกวันนี้

โครงการอีสเทิร์น ซีบอร์ด และโรงถลุงเหล็กจะเกิดขึ้นหรือไม่ รอไม่เกินเดือนพฤษภาคมนี้ ดูว่ามติ ครม.เศรษฐกิจ ที่มีรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะจะทุบโต๊ะให้ เวสเทิร์น ซีบอร์ด เดินหน้าต่อหรือส่งสัญญาณแท้งอีกรอบยังต้องมีลุ้น!!!

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,045  วันที่  19 - 22  เมษายน  พ.ศ. 2558

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.