อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก-คอนกรีตพรุนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัยรางวัลชนะเลิศจากโครงการเส้นทางสู่นวัตวณิชย์
อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก-คอนกรีตพรุน เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัย จึงมีความโดดเด่นและได้เปรียบเมื่ออยู่ในตลาด ตัวอย่างผลงานรางวัลชนะเลิศจากโครงการ "เส้นทางสู่นวัตวณิชย์" (Research to market) หรือ R2M เวทีท้าทายต่อมคิดของนักวิจัยและนักศึกษาผ่านโจทย์ใหญ่คือ การนำผลงานวิจัยของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาต่อยอดทำแผนธุรกิจการตลาด
โครงการ R2M เจ้าภาพโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เน้นพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาพร้อมทั้งสร้างโอกาสเชิงพาณิชย์ให้กับผลงาน วิจัยของมหาวิทยาลัย โดยการคัดกรองผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพทางการตลาด การตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลงานที่ได้จากโครงการต่อผู้สนใจที่จะลงทุนในการ พัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่อไป หรือนำไปสู่การใช้ประโยชน์จริง โดยผ่านการประกวดแผนธุรกิจ การจับคู่ธุรกิจ การบ่มเพาะธุรกิจและเทคโนโลยี
ผสานงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจ
iNose อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก รางวัลชนะเลิศประจำปี 2557 โดย ทีม MED INT มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่นำผลงานวิจัยของ ทพญ.พนารัตน์ ขอดแก้ว มาพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นธุรกิจเทคโนโลยี โดยเปลี่ยนประเภทวัสดุจากซิลิโคนนิ่ม ซึ่งระบุในผลงานวิจัยมาเป็นอะคริลิคที่รับแรงได้ดีกว่า เด็กไม่ต้องผ่าตัดซ้ำ เหมือนสมัยก่อนที่อาจต้องผ่าเปลี่ยน 3-7 ครั้ง แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นอะคริลิค ผ่าตัดเอาออกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
สุตาภัทร ม่วงนา นักศึกษาปริญญาโทปี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากพิจารณาผลงานวิจัยของ ทพญ.พนารัตน์ ร่วมกับสมาชิกในทีมจากคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้วเห็นว่า มีศักยภาพเชิงธุรกิจในตลาด B2B (Business to Business) และมีประโยชน์ต่อสังคม แต่เนื่องจากเป็นอุปกรณ์การแพทย์จึงต้องมีการสื่อสารในรูปแบบของการสัมมนา ให้กับความรู้กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงองค์กรที่ทำงานช่วยเหลือเด็กที่มีความพิการด้านปากแหว่งเพดานโหว่
พร้อมกันนี้ยังมีแผนการที่จะขยายฐานตลาดไปในต่างประเทศ ที่มีกำลังซื้อและจำนวนประชากรมาก อาทิ จีน อินเดีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ทดแทนจำนวนเด็กที่มีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ในไทยที่มีไม่มาก และส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวรายได้ต่ำ จึงต้องอาศัยการช่วยเหลือจากมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลเป็นหลัก
จากประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ R2M สมาชิกในทีม MED INT บอกว่า ถือเป็นแบบฝึกหัดที่ดีก่อนการลงมือทำธุรกิจจริง เพราะหลายสถานการณ์ที่พบไม่ได้เป็นไปตามตำราเรียน ยกตัวอย่างเรื่องการออกแบบกับฟังก์ชั่นใช้สอย ทางสมาชิกจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ให้ความสำคัญในประเด็นหลังโดยเน้นให้เกิด ประโยชน์สูงสุด แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องคำนึงถึงการออกแบบให้สวยงามด้วย รวมถึงการใฝ่หาความรู้เพื่อนำมาประกอบข้อมูลในการทำธุรกิจ ดังนั้น ไม่ควรจำกัดตนเองอยู่กับสาขาวิชาที่เรียนมาเท่านั้น เพราะทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของการทำตลาด
ส่วนคอนกรีตแบบพรุน Geopolymer ผลงานชนะเลิศปี 2556 โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผลิตภัณฑ์จากการรีไซเคิลคอนกรีตตึกเก่า มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและต้นทุนต่ำ สามารถใช้แทนอิฐบล็อก อิฐแบน คุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าผลิตภัณฑ์ในตลาดทั่วไป ซึ่งได้ใบรับรองมาตรฐาน และได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย
ดึงสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ต่อยอดวิจัย
โครงการ R2M ปีนี้ยังมีผลงานน่าสนใจจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นชุดตรวจกรองสารพันธุกรรมทำนายอาการแพ้ยาในกลุ่มคาร์บามาซีฟีน, High Jub กวยจั๊บกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน มีส่วนผสมของแป้งแก่นตะวันซึ่งมีสารอินซูลินสูง โดยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, ชุดตรวจจับการวางไข่ของกุ้งกุลาดำโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, เครื่องเพาะถั่วงอกปลอดสารพิษอัตโนมัติ ผลิตด้วยพลาสติกโพลีคาร์บอเนต ซึ่งทำงานด้วยระบบเซ็นเซอร์ควบคุมปริมาณความชื้น และอุณหภูมิ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้
"กิจกรรมนี้จะดึงให้นักศึกษาเข้ามาใช้ประโยชน์จากอุทยานวิทยาศาสตร์มาก ขึ้น ด้วยการนำงานวิจัยที่มีอยู่มาสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมและสร้างรายได้ทาง เศรษฐกิจ" ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าว
ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯมีนโยบายที่ผลักดันให้สังคมไทยเป็นสังคมนวัต กรรม โดยใช้อุทยานวิทยาศาสตร์และมหาวิทยาลัยเครือข่าย เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยการจุดประกายไอเดียให้กับคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพ พร้อมกับดึงนักลงทุนเข้ามาให้การสนับสนุนทำให้เกิดการต่อยอดเกิดขึ้นอย่าง เป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/innovation/20141208/622062/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94.html#sthash.qNM8aup2.dpuf
อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก-คอนกรีตพรุนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัยรางวัลชนะเลิศจากโครงการเส้นทางสู่นวัตวณิชย์
อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก-คอนกรีตพรุน เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัย จึงมีความโดดเด่นและได้เปรียบเมื่ออยู่ในตลาด ตัวอย่างผลงานรางวัลชนะเลิศจากโครงการ "เส้นทางสู่นวัตวณิชย์" (Research to market) หรือ R2M เวทีท้าทายต่อมคิดของนักวิจัยและนักศึกษาผ่านโจทย์ใหญ่คือ การนำผลงานวิจัยของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาต่อยอดทำแผนธุรกิจการตลาด
โครงการ R2M เจ้าภาพโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เน้นพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาพร้อมทั้งสร้างโอกาสเชิงพาณิชย์ให้กับผลงาน วิจัยของมหาวิทยาลัย โดยการคัดกรองผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพทางการตลาด การตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลงานที่ได้จากโครงการต่อผู้สนใจที่จะลงทุนในการ พัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่อไป หรือนำไปสู่การใช้ประโยชน์จริง โดยผ่านการประกวดแผนธุรกิจ การจับคู่ธุรกิจ การบ่มเพาะธุรกิจและเทคโนโลยี
ผสานงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจ
iNose อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก รางวัลชนะเลิศประจำปี 2557 โดย ทีม MED INT มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่นำผลงานวิจัยของ ทพญ.พนารัตน์ ขอดแก้ว มาพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นธุรกิจเทคโนโลยี โดยเปลี่ยนประเภทวัสดุจากซิลิโคนนิ่ม ซึ่งระบุในผลงานวิจัยมาเป็นอะคริลิคที่รับแรงได้ดีกว่า เด็กไม่ต้องผ่าตัดซ้ำ เหมือนสมัยก่อนที่อาจต้องผ่าเปลี่ยน 3-7 ครั้ง แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นอะคริลิค ผ่าตัดเอาออกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
สุตาภัทร ม่วงนา นักศึกษาปริญญาโทปี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากพิจารณาผลงานวิจัยของ ทพญ.พนารัตน์ ร่วมกับสมาชิกในทีมจากคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้วเห็นว่า มีศักยภาพเชิงธุรกิจในตลาด B2B (Business to Business) และมีประโยชน์ต่อสังคม แต่เนื่องจากเป็นอุปกรณ์การแพทย์จึงต้องมีการสื่อสารในรูปแบบของการสัมมนา ให้กับความรู้กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงองค์กรที่ทำงานช่วยเหลือเด็กที่มีความพิการด้านปากแหว่งเพดานโหว่
พร้อมกันนี้ยังมีแผนการที่จะขยายฐานตลาดไปในต่างประเทศ ที่มีกำลังซื้อและจำนวนประชากรมาก อาทิ จีน อินเดีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ทดแทนจำนวนเด็กที่มีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ในไทยที่มีไม่มาก และส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวรายได้ต่ำ จึงต้องอาศัยการช่วยเหลือจากมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลเป็นหลัก
จากประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ R2M สมาชิกในทีม MED INT บอกว่า ถือเป็นแบบฝึกหัดที่ดีก่อนการลงมือทำธุรกิจจริง เพราะหลายสถานการณ์ที่พบไม่ได้เป็นไปตามตำราเรียน ยกตัวอย่างเรื่องการออกแบบกับฟังก์ชั่นใช้สอย ทางสมาชิกจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ให้ความสำคัญในประเด็นหลังโดยเน้นให้เกิด ประโยชน์สูงสุด แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องคำนึงถึงการออกแบบให้สวยงามด้วย รวมถึงการใฝ่หาความรู้เพื่อนำมาประกอบข้อมูลในการทำธุรกิจ ดังนั้น ไม่ควรจำกัดตนเองอยู่กับสาขาวิชาที่เรียนมาเท่านั้น เพราะทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของการทำตลาด
ส่วนคอนกรีตแบบพรุน Geopolymer ผลงานชนะเลิศปี 2556 โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผลิตภัณฑ์จากการรีไซเคิลคอนกรีตตึกเก่า มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและต้นทุนต่ำ สามารถใช้แทนอิฐบล็อก อิฐแบน คุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าผลิตภัณฑ์ในตลาดทั่วไป ซึ่งได้ใบรับรองมาตรฐาน และได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย
ดึงสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ต่อยอดวิจัย
โครงการ R2M ปีนี้ยังมีผลงานน่าสนใจจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นชุดตรวจกรองสารพันธุกรรมทำนายอาการแพ้ยาในกลุ่มคาร์บามาซีฟีน, High Jub กวยจั๊บกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน มีส่วนผสมของแป้งแก่นตะวันซึ่งมีสารอินซูลินสูง โดยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, ชุดตรวจจับการวางไข่ของกุ้งกุลาดำโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, เครื่องเพาะถั่วงอกปลอดสารพิษอัตโนมัติ ผลิตด้วยพลาสติกโพลีคาร์บอเนต ซึ่งทำงานด้วยระบบเซ็นเซอร์ควบคุมปริมาณความชื้น และอุณหภูมิ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้
"กิจกรรมนี้จะดึงให้นักศึกษาเข้ามาใช้ประโยชน์จากอุทยานวิทยาศาสตร์มาก ขึ้น ด้วยการนำงานวิจัยที่มีอยู่มาสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมและสร้างรายได้ทาง เศรษฐกิจ" ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าว
ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯมีนโยบายที่ผลักดันให้สังคมไทยเป็นสังคมนวัต กรรม โดยใช้อุทยานวิทยาศาสตร์และมหาวิทยาลัยเครือข่าย เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยการจุดประกายไอเดียให้กับคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพ พร้อมกับดึงนักลงทุนเข้ามาให้การสนับสนุนทำให้เกิดการต่อยอดเกิดขึ้นอย่าง เป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/innovation/20141208/622062/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94.html#sthash.qNM8aup2.dpuf
อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก-คอนกรีตพรุนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัยรางวัลชนะเลิศจากโครงการเส้นทางสู่นวัตวณิชย์
อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก-คอนกรีตพรุน เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัย จึงมีความโดดเด่นและได้เปรียบเมื่ออยู่ในตลาด ตัวอย่างผลงานรางวัลชนะเลิศจากโครงการ "เส้นทางสู่นวัตวณิชย์" (Research to market) หรือ R2M เวทีท้าทายต่อมคิดของนักวิจัยและนักศึกษาผ่านโจทย์ใหญ่คือ การนำผลงานวิจัยของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาต่อยอดทำแผนธุรกิจการตลาด
โครงการ R2M เจ้าภาพโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เน้นพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาพร้อมทั้งสร้างโอกาสเชิงพาณิชย์ให้กับผลงาน วิจัยของมหาวิทยาลัย โดยการคัดกรองผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพทางการตลาด การตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลงานที่ได้จากโครงการต่อผู้สนใจที่จะลงทุนในการ พัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่อไป หรือนำไปสู่การใช้ประโยชน์จริง โดยผ่านการประกวดแผนธุรกิจ การจับคู่ธุรกิจ การบ่มเพาะธุรกิจและเทคโนโลยี
ผสานงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจ
iNose อุปกรณ์ควบคุมทรงจมูก รางวัลชนะเลิศประจำปี 2557 โดย ทีม MED INT มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่นำผลงานวิจัยของ ทพญ.พนารัตน์ ขอดแก้ว มาพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นธุรกิจเทคโนโลยี โดยเปลี่ยนประเภทวัสดุจากซิลิโคนนิ่ม ซึ่งระบุในผลงานวิจัยมาเป็นอะคริลิคที่รับแรงได้ดีกว่า เด็กไม่ต้องผ่าตัดซ้ำ เหมือนสมัยก่อนที่อาจต้องผ่าเปลี่ยน 3-7 ครั้ง แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นอะคริลิค ผ่าตัดเอาออกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
สุตาภัทร ม่วงนา นักศึกษาปริญญาโทปี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากพิจารณาผลงานวิจัยของ ทพญ.พนารัตน์ ร่วมกับสมาชิกในทีมจากคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้วเห็นว่า มีศักยภาพเชิงธุรกิจในตลาด B2B (Business to Business) และมีประโยชน์ต่อสังคม แต่เนื่องจากเป็นอุปกรณ์การแพทย์จึงต้องมีการสื่อสารในรูปแบบของการสัมมนา ให้กับความรู้กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงองค์กรที่ทำงานช่วยเหลือเด็กที่มีความพิการด้านปากแหว่งเพดานโหว่
พร้อมกันนี้ยังมีแผนการที่จะขยายฐานตลาดไปในต่างประเทศ ที่มีกำลังซื้อและจำนวนประชากรมาก อาทิ จีน อินเดีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ทดแทนจำนวนเด็กที่มีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ในไทยที่มีไม่มาก และส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวรายได้ต่ำ จึงต้องอาศัยการช่วยเหลือจากมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลเป็นหลัก
จากประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ R2M สมาชิกในทีม MED INT บอกว่า ถือเป็นแบบฝึกหัดที่ดีก่อนการลงมือทำธุรกิจจริง เพราะหลายสถานการณ์ที่พบไม่ได้เป็นไปตามตำราเรียน ยกตัวอย่างเรื่องการออกแบบกับฟังก์ชั่นใช้สอย ทางสมาชิกจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ให้ความสำคัญในประเด็นหลังโดยเน้นให้เกิด ประโยชน์สูงสุด แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องคำนึงถึงการออกแบบให้สวยงามด้วย รวมถึงการใฝ่หาความรู้เพื่อนำมาประกอบข้อมูลในการทำธุรกิจ ดังนั้น ไม่ควรจำกัดตนเองอยู่กับสาขาวิชาที่เรียนมาเท่านั้น เพราะทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของการทำตลาด
ส่วนคอนกรีตแบบพรุน Geopolymer ผลงานชนะเลิศปี 2556 โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผลิตภัณฑ์จากการรีไซเคิลคอนกรีตตึกเก่า มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและต้นทุนต่ำ สามารถใช้แทนอิฐบล็อก อิฐแบน คุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าผลิตภัณฑ์ในตลาดทั่วไป ซึ่งได้ใบรับรองมาตรฐาน และได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย
ดึงสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ต่อยอดวิจัย
โครงการ R2M ปีนี้ยังมีผลงานน่าสนใจจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นชุดตรวจกรองสารพันธุกรรมทำนายอาการแพ้ยาในกลุ่มคาร์บามาซีฟีน, High Jub กวยจั๊บกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน มีส่วนผสมของแป้งแก่นตะวันซึ่งมีสารอินซูลินสูง โดยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, ชุดตรวจจับการวางไข่ของกุ้งกุลาดำโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, เครื่องเพาะถั่วงอกปลอดสารพิษอัตโนมัติ ผลิตด้วยพลาสติกโพลีคาร์บอเนต ซึ่งทำงานด้วยระบบเซ็นเซอร์ควบคุมปริมาณความชื้น และอุณหภูมิ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้
"กิจกรรมนี้จะดึงให้นักศึกษาเข้ามาใช้ประโยชน์จากอุทยานวิทยาศาสตร์มาก ขึ้น ด้วยการนำงานวิจัยที่มีอยู่มาสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมและสร้างรายได้ทาง เศรษฐกิจ" ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าว
ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯมีนโยบายที่ผลักดันให้สังคมไทยเป็นสังคมนวัต กรรม โดยใช้อุทยานวิทยาศาสตร์และมหาวิทยาลัยเครือข่าย เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยการจุดประกายไอเดียให้กับคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพ พร้อมกับดึงนักลงทุนเข้ามาให้การสนับสนุนทำให้เกิดการต่อยอดเกิดขึ้นอย่าง เป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/innovation/20141208/622062/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94.html#sthash.qNM8aup2.dpuf
“ปลัดอรรชกา” เร่ง 5หน่วยงานอนุญาต จัดทำคู่มือการบริการ แจงขั้นตอนการขอใบอนุญาตสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็น ตามนโยบายรัฐบาลที่เสนอต่อ สนช. นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานอนุญาต เตรียมจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตให้กับ ประชาชนและผู้ประกอบการ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีการประชุมและลงมติให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 10ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยหนึ่งในนั้นคือ ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ…..ซึ่งตามมาตรา 7แห่งพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวกำหนดให้ผู้อนุญาตต้องจัดทำคู่มือสำหรับ ประชาชน ที่ต้องประกอบไปด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำขออนุญาต ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต และรายการเอกสารหรือหลักฐานผู้ที่ขออนุญาตจะต้องยื่นมาพร้อมคำขอ ซึ่งอาจยื่นคำขอผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนการมายื่นด้วยตนเองก็ได้ โดยกำหนดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 180วัน นับจากวันที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา “โดยในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม มีการดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตอยู่ทั้งสิ้น จำนวน 8ฉบับ ประกอบด้วย พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535, พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535, พระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ.2514,พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510, พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511, พระราชบัญญัติมาตรฐานแห่งชาติ พ.ศ.2551, พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527, และพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522ขณะนี้ได้เร่งให้หน่วยงานอนุญาตต่างๆไม่ว่าจะเป็น
1.กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)
2.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)
3.สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)
4.สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
5.กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ให้จัดทำคู่มือสำหรับประชาชนให้เร็วที่สุด” นางอรรชกา กล่าว
ด้านนายสมชาย หาญหิรัญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า กระทรวงฯมีการพิจารณาออกใบอนุญาตต่างๆตามขั้นตอน อีกทั้งมีการชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการขอ อนุญาตต่างๆของทุกหน่วยงาน ภายใต้ภารกิจของกระทรวงฯ โดยเฉพาะการอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 เพื่อสร้างความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็น เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตโรงงานเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และยังได้ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาต โดยหน่วยงานอนุญาตมีความเข้าใจตรงกัน ดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกัน แน่นอนว่าผู้ประกอบการและประชาชนจะมีความพึงพอใจในการรับบริการมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นหน่วยงานนำร่องในเรื่องดังกล่าว.