รถโฟล์กลิฟต์ – รถขุดตัก งัดกลยุทธ์การตลาดสู้ศึกครึ่งปีหลัง มั่นใจลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมฟื้นตัว เล็งเปิดตัวสินค้าใหม่ – จัดโรดโชว์ ขยายเครือข่ายรองรับ
นายแสงชัย อภิรามเมธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกโคมัตสุ ฟอร์คลิฟท์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเหตุการณ์ทางการเมืองเริ่มนิ่ง ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น เช่นเดียวกับตลาดรถยกมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมก็เริ่มมีความเชื่อมั่น และมีการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดี จึงมีการขยับขยายการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวมากขึ้น
สำหรับโครงการต่างๆที่เคยชะงักไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงไตรมาสแรกของปี นี้ ก็มีการนำขึ้นมาพิจารณาใหม่ ซึ่งการขยายตัวนี้ส่งผลให้ทิศทางของตลาดรถยกมีแนวโน้มที่สดใสตามไปด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีก จึงเป็นส่วนช่วยให้การขยายตัวของตลาดในปีหน้าและปีถัดๆไปมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับแผนงานของบริษัทได้เตรียมจะเปิดรถยกไฟฟ้า KOMATSU รุ่นใหม่ในช่วงไตรมาสนี้ โดยคุณสมบัติของสินค้ารุ่นใหม่คือ เป็นรถยกไฟฟ้าที่กันฝนและกันฝุ่น สามารถตอบสนองได้ทุกสภาพการทำงานหรือแม้กระทั่งการใช้งานนอกอาคารในขณะที่มี ฝนตก เพื่อตอบสนองโรงงานอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงการรักษาสภาพแวดล้อม และการลดมลพิษที่เกิดจากรถยกที่ใช้เครื่องยนต์ นอกจากนั้นแล้วยังติดตั้งระบบ KOMTRAX ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลของรถยกผ่านดาวเทียมและคลื่นวิทยุ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ข้อมูลในการบริหารงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งระบบจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษาต่างๆ ทำให้สามารถดูแลรถยกให้อยู่ในสภาพที่ดีมีประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานอยู่ตลอดเวลา
นายแสงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว กล่าวคือ มียอดขายประมาณ 8 พันคัน โดยเป้าหมายของบริษัทจะขยายส่วนแบ่งตลาดจากปีก่อน 10% ขึ้นมาเป็น 15% ในปีนี้
"เรื่องหลักๆที่เราจะเน้นก็คือการให้บริการกับลูกค้าแบบมืออาชีพ เพื่อให้การทำงานของลูกค้ามีความคล่องตัวไม่เกิดปัญหาที่มาจากรถยก โดยปีนี้เรามีการอบรมและพัฒนาช่างของเราให้มีทักษะในการดูแลรักษารถยกแบบ Preventive Maintenance เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถประเมินประสิทธิภาพรถยกแต่ละคันได้อย่างแม่นยำ"
นายอติพงศ์ พงศ์หว่าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด ผู้นำเข้ารถขุด-ตักวอลโว่ อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกยอดขายของบริษัทต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อย คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลง 20% เนื่องจากภาพรวมทางเศรษฐกิจ-การเมืองในประเทศ ส่งผลให้ลูกค้ามีการชะลอคำสั่งซื้อ ขณะที่ภาพรวมตลาดตกลงกว่า 40-50%
อย่างไรก็ตามหลังจากสถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลาย ในตอนนี้ตลาดก็เริ่มเห็นสัญญาณบวก ทำให้แต่ละบริษัทเตรียมแผนงานออกมารองรับ ในส่วนของอิตัลไทย ได้ใช้งบประมาณทางการตลาด 4-5 ล้านบาท เพื่อจัดงานโรดโชว์เพื่อเข้าหากลุ่มเป้าหมาย และเป็นการสร้างการรับรู้กับผู้บริโภค โดยได้จัดขึ้นไปแล้ว 2 จังหวัดได้แก่ อิตัลไทย เซ็นเตอร์ ขอนแก่น ในเดือนพฤษภาคม ล่าสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาที่ จ.ชลบุรี และจะจัดขึ้นอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้
สำหรับงานโรดโชว์ดังกล่าวจะโชว์ให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของศูนย์บริการ ระดับ 3S ที่ให้บริการทั้งการขาย (Sales) บริการ (Service) และส่วนอะไหล่ (Spare Parts) แบบครบวงจรและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความพึงพอใจแก่ลูกค้าอย่างในพื้นที่ ภาคต่างๆ
นายอติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานอื่นๆในปีนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ นอกจากอิตัลไทยจะจำหน่ายแบรนด์วอลโว่แล้ว ยังมีการนำแบรนด์จีน SDLG ถือเป็นดูโอแบรนด์ที่ใช้เจาะกลุ่มตลาดแมส มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1.5 – 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของลูกค้า ขณะที่ราคาของแบรนด์วอลโว่นั้นเริ่มต้นที่ 3.6 ล้านบาท
ขณะที่เป้าหมายรายได้ เดิมเมื่อต้นปีวางไว้ 4.5 พันล้านบาท แต่เนื่องจากครึ่งปีแรกมีปัจจัยเข้ามากระทบทำให้ปรับเป้าหมายใหม่เป็น 4 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะทำได้อย่างแน่นอน และในปี 2558 หากไม่มีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ ก็จะทำให้เป้าหมายรายได้เป็น 4.5 พันล้านบาท และมีการขยายดีลเลอร์ออกไปอีก 1-2 แห่งรวมเป็น 15 แห่งทั่วประเทศ
"เราเป็นผู้เล่นแบรนด์ยุโรปที่ติด 1 ใน 5 ของผู้นำตลาด เพราะค่ายอื่นๆจะเป็นแบรนด์ที่มาจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นโคมัตสุ, โคเบลโก, แคททาพิร่า, ฮิตาชิ ซึ่งเรามั่นใจว่าจากแนวทางตลาดที่จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการมีซับแบรนด์ที่นำเข้ามาจากจีน รวมไปถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ และขยายตัวแทนจำหน่ายจะทำให้เรามีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่ นอน"