"สยามคูโบต้าฯ" จับมือวิทยาลัยเกษตรกรรม กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ปั้นโครงการ "ไดรวิ่งสคูล" สอนขับรถแทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าวให้ลูกค้า แก้ปัญหาร้องเรียนจากเครื่องจักรเสียหายแบบถาวร คาดปีนี้รายได้เข้าเป้า 52,000 ล้าน
นายวีรชัย วิภาตวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขายและการตลาด บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีลูกค้าของบริษัทซื้อรถเกี่ยวนวดข้าว รถแทรกเตอร์ มีปัญหาฟ้องร้องบริษัทประมาณ 200 ราย ในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดศาลได้ไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่ายมาประนีประนอมยอมความกันเกือบหมดแล้ว เหลือเพียง 15 รายที่ยังเป็นคดีในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ซึ่งลูกค้าบางรายศาลสั่งให้คืนรถแก่บริษัท แต่ไม่ยอมคืน ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร บริษัทจึงได้จัดทำโครงการ "ไดรวิ่งสคูล" สอนการขับรถและการบำรุงดูแลรักษารถแทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าวที่ถูกต้องให้ลูกค้า โดยร่วมมือกับร้านค้า วิทยาลัยเกษตรกรรมในต่างจังหวัด รวมทั้งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
หากร้านค้าไม่มีสถานที่หรือศูนย์สาธิต บริษัทก็จะร่วมมือกับวิทยาลัยเกษตรกรรมในจังหวัดนั้นหรือพื้นที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีสถานที่รองรับการสาธิต โดยโปรแกรมนี้ลูกค้าต้องเข้าห้องอบรมหรือเรียน 1 วัน ฝึกขับรถข้ามคันนาฯ การบำรุงดูแลรักษารถอีก 2 วัน เมื่อสอบผ่าน บริษัทจะออกประกาศนียบัตรให้
"ค่าซ่อมบำรุงรักษารถเกี่ยวนวดข้าวต่อ 1 ฤดูกาลหรือประมาณ 2 เดือน ตั้งไว้ที่ 25,000 บาท หากลูกค้าตรวจสอบบำรุงรักษาก่อนใช้งานต่อเนื่อง จะลดความเสียหายของเครื่องจักรได้มาก หลายรายจ่ายค่าซ่อมแซมเครื่องจักรหลังใช้งานยาวนานเพียง 12,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทยังสอนการทำธุรกิจด้วย เนื่องจากที่ผ่านมา มีการแข่งขันกันสูง ตัดราคารับเกี่ยวข้าวกันหนัก ทำให้เหลือกำไรน้อย ส่งผลกระทบด้านการเงินและลดการบำรุงดูแลรักษาเครื่องจักรตามมา"
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีแรกนี้ นายวีรชัย กล่าวว่า ยอดรายได้ครึ่งปีแรกเท่ากับ 25,000 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเติบโต 20% เศษ คาดว่าเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ปีนี้ 52,000 ล้านบาท คงทำได้ โดยครึ่งปีแรกนี้ รถแทร็กเตอร์ผลิตไม่ทันกับการจำหน่าย ขณะที่รถเกี่ยวนวดข้าว รถดำนาขายได้ตามแผนงาน ส่วนรถขุดขนาดเล็กกำลังมาแรง มีอัตราการเติบโตกว่าเท่าตัวมาตลอด 3 ปี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการขาดแคลนแรงงาน การขึ้นค่าแรง ทำให้ภาคเกษตรและอสังหาริมทรัพย์สั่งซื้อมากขึ้น
ทางด้านตลาดต่างประเทศ ในปีนี้บริษัทจะเน้นการสร้างเครือข่ายและการบริการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในกัมพูชา สปป.ลาวและพม่า โดยมีโครงการและกิจกรรมต่างๆมากขึ้นในกัมพูชา สปป.ลาว ขณะที่ตลาดพม่ายังทำอะไรได้ไม่มาก เพราะเพิ่งเปิดประเทศ และคู่แข่งเข้าไปมากพอสมควร นอกจากนี้จะบุกตลาดใหม่ๆ เช่น แอฟริกา มากขึ้น คาดว่าปีนี้และปีหน้ายอดส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจะมีสัดส่วนประมาณ 18 และ 20% ของยอดขายรวมบริษัทตามลำดับ