ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์สหรัฐฯ เตรียมทวงแชมป์ตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยในปี 2558 ... แซงจีนได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ประเด็นสำคัญ
• การส่งออกสินค้าไทยเดือนมกราคม 2558 หดตัวทั้งตลาดอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป สวนทางกับการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ขยายตัวร้อยละ 6.0 (YoY) และมีมูลค่ารายเดือนสูงเป็นอันดับ 1 ก้าวแซงหน้าตลาดจีนได้อีกครั้ง ยิ่งตอกย้ำความสดใสของสหรัฐฯ ที่ธุรกิจไทยไม่ควรมองข้าม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ปี 2558 จะขยายตัวร้อยละ 5 (กรอบประมาณอยู่ที่ร้อยละ 3-7) เร่งขึ้นจากที่เติบโตร้อยละ 4.1 ในปี 2557 ซึ่งสัญญาณดังกล่าวชี้ว่าสินค้าไทยโดยรวมที่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดเป้าหมายน่าจะเติบโตดี
• ผู้ประกอบการแบรนด์ไทยได้อานิสงส์ขยายตัว โดยเฉพาะสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าเกษตรและอาหาร เคหะสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มไลฟ์สไตล์ ในขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมโดยรวมก็จะเติบโตมากขึ้น ทั้งในกลุ่มสินค้าไทยที่ทำตลาดสหรัฐฯ มานานอย่างคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยานยนต์และส่วนประกอบ ตลอดจนสินค้าไทยกลุ่มใหม่ที่เติบโตอย่างน่าสนใจในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกอบไทยควรเร่งดำเนินธุรกิจเชิงรุกจับตลาดขาขึ้นในเวลานี้ น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้สินค้าไทยทำตลาดในสหรัฐฯ ได้ในระยะยาว อาทิ สินค้าเครื่องใช้เพื่อความสะดวกสบายและความบันเทิง เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์แต่งบ้าน ของตกแต่งสำหรับงานเทศกาลรื่นเริง เภสัชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น
หากพิจารณาตลาดส่งออกที่สำคัญของสินค้าไทย พบว่า การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงสอดคล้องกับเทรนด์การเติบ โตของการบริโภคในสหรัฐฯ ที่กำลังเร่งขึ้นนับจากนี้ สวนทางกับการส่งออกสินค้าไทยไปจีนที่สินค้าหลักเป็นสินค้าเกษตรกรรม เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก จึงถูกฉุดจากราคาสินค้าที่คาดว่าน่าจะปรับตัวในระดับต่ำตลอดปี 2558 ซ้ำเติมการส่งออกในภาพรวมที่ชะลอตัวอยู่แล้วตามเศรษฐกิจจีน ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นค่อนข้างอ่อนแรงต่อเนื่อง ซึ่งการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศเหล่านี้ยังต้องอาศัยระยะเวลา อย่างน้อย 1-2 ปี
ในบรรดาตลาดหลักๆ ของไทย จึงมีเพียงสหรัฐฯ ที่ฉายความโดดเด่นขึ้นมา และน่าจะสามารถกลับมาครองแชมป์การเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยได้ในปี 2558 นี้ จากสัญญาณการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในสหรัฐฯ ได้ทยอยฟื้นกลับมาตั้งแต่กลางปี 2557 หนุนการส่งออกสินค้าไทยเพิ่มขึ้นจนกระทั่งมีมูลค่ารายเดือนแซงหน้าตลาดจีน ได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2557 และแซงหน้าจีนได้เป็นอันดับ 1 อีกครั้งในเดือนมกราคม 2558 ซึ่งทิศทางการส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ ยังมีโอกาสจะเร่งตัวชัดเจนมากขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้
สินค้าไทยกลุ่มหลักเติบโตเร่งขึ้น ผลักดันการค้าในภาพรวมขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้
เมื่อมองไปข้างหน้า การเติบโตของกำลังซื้อในสหรัฐฯ เป็นกุญแจสำคัญผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ในภาพรวม โดยเฉพาะสินค้าส่งออกกลุ่มหลักของไทยที่มีสัดส่วนราวร้อยละ 70 ของการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ นำโดยสินค้าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage) กับคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ที่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.9 ของการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ เติบโตร้อยละ 9.7 ในเดือน ม.ค. 2558 จะยังคงได้อานิสงส์ขยายตัวตามกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีโลกที่ให้ความ สำคัญกับการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการเติบโตของสินค้าดังกล่าวไม่เพียงผลักดันการส่งออกไปสหรัฐฯ ยังช่วยพยุงภาคอุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบจากการชะลอตัวของ ตลาดจีนได้อย่างน่าสนใจ โดยไทยพึ่งพาการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ถึง 1 ใน 4 ของการส่งออกในกลุ่มดังกล่าวทั้งหมดของไทย
ขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือยก็ได้อานิสงส์เติบโตได้อีก และเป็นเครื่องยืนยันการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่มักจะมีความอ่อนไหว ต่อภาวะเศรษฐกิจอย่างมากก็กลับมาเติบโตได้ร้อยละ 10.9 (YoY) ในเดือนมกราคม 2558 รวมทั้งเครื่องส่ง/รับสัญญาณโทรศัพท์ รถยนต์และอุปกรณ์ เครื่องจักรกล และเครื่องใช้ไฟฟ้าขยายตัวร้อยละ 33.8 (YoY) ร้อยละ 88.5 (YoY) ร้อยละ 35.6 (YoY) และร้อยละ 27.4 (YoY) ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ประเด็นด้านการแข่งขันเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง แม้ว่าสินค้าไทยจะมีศักยภาพก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ จะเห็นได้ว่า สินค้าไทยหลายรายการ สหรัฐฯ ซื้อจากไทยเป็นอันดับ 1 และมีมูลค่าทิ้งห่างคู่แข่งพอสมควร แต่คู่แข่งสินค้าไทยก็เร่งตัวตามติดขึ้นมาในระยะเวลาอันใกล้ และในเวลานี้ก็ไม่ได้มีแค่สินค้าจีนเท่านั้น ยังต้องตระหนักว่าเวียดนามได้สะสมการลงทุนและองค์ความรู้จนสามารถผลิตสินค้า หลายชนิดได้เหมือนไทย จนกลายเป็นคู่แข่งของสินค้าไทยมาได้ระยะเวลาหนึ่ง ทยอยชิงส่วนแบ่งตลาดของไทยเรื่อยมา อาทิ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เครื่องส่ง/รับสัญญาณโทรศัพท์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ จอมอนิเตอร์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์โทรศัพท์ รวมทั้งสินค้าประมงในกลุ่มอาหารทะเลกระป๋อง/แปรรูปทั้ง กุ้ง ปลา ปลาหมึก ที่ไทยกำลังเสียเปรียบคู่แข่งในแง่ของปัญหาด้านการผลิต และแรงกดดันจากการถูกปรับลดสถานะเป็น Tier 3 ในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557
สินค้าส่งออก 20 รายการแรกของไทยและคู่แข่งที่สำคัญของสินค้าไทยในสหรัฐฯ
จับเทรนด์การเติบโต ... ดันการส่งออกสินค้ากลุ่มใหม่ให้ทันกระแส
สินค้าไทยที่น่าสนใจหลายรายการแม้มูลค่าการส่งออกไม่สูงนักแต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตก้าวกระโดดตอบรับกระแสการการบริโภคในสหรัฐฯ โดยสินค้ากลุ่มนี้มีความสำคัญไม่น้อยคิดเป็นสัดส่วนรวมกันถึง 1 ใน 3 ของการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ซึ่งผู้ประกอบการน่าจะเร่งทำตลาดเพื่อให้ขึ้นมาเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนการส่ง ออกในระยะยาว
? สินค้านอกเหนือจากความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ได้อานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ผลักดันการจ้างงานและรายได้ ประกอบกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำช่วยลดรายจ่ายด้านพลังงาน เอื้อต่อการใช้จ่ายได้มากขึ้น ซึ่งสินค้าไทยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านการกีฬา ดนตรี เทคโนโลยี กิจกรรมเพื่อการบันเทิงต่างๆ เติบโตชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้นการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยก็มีพัฒนาการน่าจับตาเติบ โตเฉลี่ยถึงร้อยละ 23.4 ต่อปี ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อป้อนตลาดสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ซึ่งนิยมเลี้ยงสุนัขและแมวรวมกันมีจำนวนถึง 180 ล้านตัว
? สินค้าวัตถุดิบขั้นกลางและเครื่องใช้ในบ้าน เพื่อรองรับการบริโภค โดยการเร่งตัวในภาคการผลิตสหรัฐฯ ช่วยขับเคลื่อนความต้องการสินค้าขั้นกลางกลุ่มเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจร และมอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รวมถึงการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติกระตุ้นความ ต้องการสินค้าของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ของแต่งบ้าน เคหะสิ่งทอ เป็นต้น
? สินค้ายานยนต์และส่วนประกอบ เติบโตตามยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดหมายว่ายอดการผลิตรถยนต์ปี 2558 จะเร่งตัวแตะ 17 ล้านคัน สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นขยายตัวโดดเด่น นับเป็นปัจจัยหนุนนำความต้องการยางล้อรถยนต์ทำตลาดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสินค้าบางรายการก็เริ่มมีบทบาทตามมา อาทิ เครื่องยนต์สันดาปแบบลูกสูบ ส่วนประกอบรถยนต์ ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ ตลอดจนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ก็เติบโตอย่างน่าสนใจตาม เทรนด์เทคโนโลยีสมัยใหม่
? สินค้าสุขภาพเกาะเทรนด์สังคมสูงอายุ ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับ สุขภาพ โดยสะท้อนจากยอดการใช้จ่ายในด้านสุขภาพของสหรัฐฯ มีสัดส่วนถึงร้อยละ 17.7 ของ GDP สหรัฐฯ และยังมีแนวโน้มประชากรสูงอายุ (อายุมากกว่า 60 ปี) จะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีประมาณ 62 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งสินค้าไทยที่ทำตลาดในสหรัฐฯ มาได้ระยะหนึ่งแม้จะมีมูลค่าค่อนข้างน้อยน่าจะมีโอกาสขยายตลาดได้อีก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มอื่นของไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ อยู่แล้ว อาจเพิ่มช่องทางธุรกิจ โดยหันมาจับตลาดนี้ด้วยการปรับบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้ สูงอายุด้วยขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา
โดยสรุป การส่งออกสินค้าไทยไปตลาดสหรัฐฯ เผชิญบททดสอบทางเศรษฐกิจมานานหลายปี ในปี 2558 นี้ นับเป็นปีที่น่าจะดีขึ้นสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดเป้าหมาย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สินค้าไทยในภาพรวมน่าจะทำตลาดได้ต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการแบรนด์คนไทยที่ได้อานิสงส์อยู่ในกลุ่มสินค้าอัญมณีและ เครื่องประดับ สินค้าเกษตรและอาหาร เคหะสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มไลฟ์สไตล์ รวมถึงสินค้าส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมก็มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นทั้งในกลุ่ม สินค้าไทยที่ทำตลาดสหรัฐฯ มานานอย่างคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยานยนต์และส่วนประกอบ กระนั้นก็ดี สินค้าจีนและเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยก็ได้อานิสงส์จากการเติบโต ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกำลังฉวยพื้นที่ตลาดของสินค้าไทยมากขึ้นนับจากนี้ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรอาศัยจังหวะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ สดใส เดินเกมรุกขยายตลาดให้มากขึ้น ต่อยอดจากสินค้าไทยที่มีพื้นที่ตลาดในสหรัฐฯ บ้างแล้ว เร่งผลักดันสินค้ากลุ่มใหม่ของไทยให้เป็นเครื่องช่วยหนุนการส่งออกไปสหรัฐฯ ในระยะยาว ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่หรือปรับกลยุทธ์ส่งสินค้าไปจับตลาดให้เท่าทันกับ พฤติกรรมการบริโภค อาทิ สินค้าเครื่องใช้เพื่อความสะดวกสบายและความบันเทิง เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และสินค้าเพื่อผู้สูงอายุ เป็นต้น
จากปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อภาคธุรกิจข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2558 น่าจะขยายตัวร้อยละ 5 (กรอบประมาณการขยายตัวร้อยละ 3-7) มีมูลค่าการส่งออกราว 25,100 ล้านดอลลาร์ฯ (กรอบประมาณการมูลค่าการส่งออกที่ 24,600-25,500 ล้านดอลลาร์ฯ) ขยายตัวเร่งขึ้นจากร้อยละ 4.1 ในปี 2557 ที่มีมูลค่าการส่งออก 23,892 ล้านดอลลาร์ฯ