สศอ.ชี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ส่งสัญญาณติดลบลดลง แต่ยังโงหัวไม่ขึ้นลากยาวถึงกลางปี จี้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการลงทุนของภาครัฐให้มีความชัดเจน เชื่อการผลิตจะกลับมาเป็นบวกได้ แต่อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยังน่าห่วง กำลังการผลิตหดตัวแรง ผลจากผู้ผลิตย้ายฐานไปเพื่อนบ้าน
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า จากการจัดทำตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือเอ็มพีไอ ที่เป็นเครื่องชี้วัดทิศทางของภาวะเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง ในภาพรวมของเดือนมกราคมที่ผ่านมามีอัตราหดตัว 1.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ติดลบอยู่ที่ 5.59 % ซึ่งถือว่าภาคการผลิตของอุตสาหกรรมเริ่มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมสำคัญแต่ละสาขามีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ยังไม่น่าพอใจ โดยประเมินว่าตัวเลขเอ็มพีไอ จะยังติดลบต่อเนื่องไปจนถึงกลางปีนี้ เนื่องจากยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนของรัฐบาลออกมา โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ๆ ที่ยังไม่ปรากฏขึ้นในช่วงนี้
แต่ทั้งนี้ หากรัฐบาลเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ภาคประชาชนเกิดการจับจ่าย และมีโครงการลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนขึ้นในช่วง 3-4 เดือนจากนี้ไป ก็อาจจะทำให้ตัวเลขเอ็มพีไอกลับมาเป็นบวกในช่วงครึ่งปีหลังได้ หลังจากมีการติดลบมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556
"หากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศชัดเจนขึ้นและเร่งลงมือทำแน่ๆ ในช่วง 3-4 เดือนนี้ ก็น่าจะทำให้ตัวเลขเอ็มพีไอเป็นบวกดีขึ้น รวมถึงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หากเกิดขึ้นหรือเดินหน้าได้อย่างชัดเจน แม้ไม่ต้องลงมือก่อสร้างก็ตาม จะสามารถช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจได้มาก เพราะจะเริ่มมีการนำเข้าวัตถุดิบมาผลิตสินค้าเพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่จะ ฟื้นตัว"
นายอุดมกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไปภาวะเศรษฐกิจน่าจะเริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากเห็นสัญญาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนมกราคมปีนี้ได้ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ 1.7 % แม้ว่าการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบจะหดตัวลงบ้างที่ 2.5 % แต่ก็ไม่ได้ติดลบมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีก่อน
โดยพิจารณาจากอุตสาหกรรมสาขาสำคัญ จะพบว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ มียอดการผลิตปรับตัวดีขึ้นทุกเดือน โดยคาดว่ายอดการผลิตทั้งปีจะอยู่ที่ 2.13 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 13.30 % แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 9.3 แสนคัน เพิ่มขึ้น 5.49 % ผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 6.37 % ส่วนอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าภาพรวมในเดือนมกราคมจะปรับตัวลดลงที่ 6.95 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ที่เป็นผลจากการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ปรับตัวลงถึง 9.61 % ขณะที่อุตสาหกรรมไฟฟ้า ปรับตัวลดลง 14.03 % ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้ผลิตเครื่องรับโทรทัศน์บางรายอย่างบริษัท ซัมซุงฯ และบริษัท แอลจีฯ ได้ย้ายฐานการผลิตไปในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดต้นทุนการด้านแรงงาน แต่หากประเมินทั้งปีแล้ว คาดว่าภาพรวมการผลิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1-2 %
สำหรับอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นความต้องการใช้เหล็กในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเดือนมกราคมมีความต้องการใช้ที่ 1.55 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.89 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ประมารการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 6.1 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้น 8.93 % เนื่องจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนในต่างจังหวัดเริ่มฟื้นตัว โดยประเมินทั้งปี การผลิตเหล็กจะขยายตัว 0-3 %
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,031 วันที่ 1 - 4 มีนาคม พ.ศ. 2558