สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

สุพันธุ์ มงคลสุธี ปรับโหมดสภาอุตฯ ปั้นนวัตกรรม-SMEs วาระแห่งชาติ
23/02/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

http://www.prachachat.net/online/2015/02/14243284001424328422l.jpg

สัมภาษณ์พิเศษ

นับเป็นงานที่หนักและท้าทายในช่วงเกือบ 1 ปี หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ของ "สุพันธุ์ มงคลสุธี" เพราะถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง และเศรษฐกิจที่ยังอึมครึมทั้งภายในประเทศ และทั่วโลก ส่งผลให้การดำเนินนโยบายต่าง ๆ ที่ตั้งเป้าหมายไว้จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ นโยบายและแผนงานต่าง ๆ จะสำเร็จไปได้มากน้อยเพียงใด และเวลาที่เหลือจะปรับเปลี่ยนแผน เพื่อก้าวเดินต่อไปอย่างไร "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษประธาน ส.อ.ท. แบบเปิดใจ

- ความพอใจกับผลงานที่ผ่านมา

ผมได้กำหนด 4 ยุทธศาสตร์ และมีการผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติผ่านทางคณะกรรมการบริหาร สมาชิก และพนักงานในทุกสายงาน เพื่อช่วยกันทำกิจกรรมวางแผนยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1.การสร้างความเป็นเอกภาพขององค์กรและสมาชิกทั้งภายใน และภายนอก จะเห็นได้ว่าช่วง 8-9 เดือนที่บริหาร ส.อ.ท.มา ทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนถึงวันนี้ไม่มีประเด็นความขัดแย้ง เกิดความร่วมมือกันอย่างชัดเจน ผมเชื่อมั่นว่าในทีมสายงานบริหารทั้งสถาบัน กลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งสภาอุตสาหกรรมจังหวัดต่าง ๆ และตัวของผมเอง ทุกคนแสดงให้ภาครัฐเห็นว่า เราสามารถสานต่องานทุกจุดของภาครัฐที่เกี่ยวกับภาคเอกชนได้ มีความเป็นเอกภาพ ความชัดเจนในการทำงาน มีการบูรณาการในงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดเป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติ

2.การเป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาลที่ดี มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจน 3.การพัฒนาให้อุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีการทำความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม แก้ไขเรื่องกฎระเบียบการออกใบอนุญาตต่าง ๆ โดยเฉพาะใบ ร.ง.4 ทำให้ปัญหาหมดไป รวมถึงให้กระทรวงอุตสาหกรรมช่วยเหลือส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมในเรื่องต่าง ๆ และเรื่องสิ่งแวดล้อม ได้มีการทำประชาสัมพันธ์ หากสมาชิก ส.อ.ท.รายใดมีปัญหาจะมีการขึ้นแบล็กลิสต์ไว้ และผลักดันให้ทำเรื่องเกณฑ์มาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) รวมถึงการทำเรื่องขยะรีไซเคิล

นอกจากนี้มีเรื่องการลดต้นทุน มีความร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำงานวิจัยต่าง ๆ มาขยายผลเพื่อต่อยอดเป็นเชิงพาณิชย์ มีการเสนอเรื่องคูปองนวัตกรรม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย (เอสเอ็มอี) ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ตั้งกลุ่มขยายตลาด ลดอุปสรรคด้านการค้า มีการร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาช่วยเรื่องการลดต้นทุน การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การทำตลาดอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

ทั้งนี้ ความร่วมมือต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกับภาครัฐขับเคลื่อน และมารายงานชุดใหญ่ 4.มีการพัฒนาบุคลากรและปรับโครงสร้าง ส.อ.ท.ให้เข้มแข็ง เรารวมถึงการทำหลักสูตรเครือข่ายนักอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ (Young F.T.I.)

- นโยบายที่จะเดินต่อไป

ประเด็นสด ๆ ร้อน ๆ วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร มีการหารือว่า ควรยกเรื่อง "นวัตกรรม" ออกมาเป็นยุทธศาสตร์ที่ 5 ขึ้นมาในปีใหม่นี้ จะเป็นยุทธศาสตร์เรื่องวิจัยนวัตกรรม จะดูแลทั้งเรื่องการจัดหลักสูตรอบรมให้คนรู้จักใช้นวัตกรรมให้เป็นประโยชน์ วิธีการทำนวัตกรรม การจดทะเบียนลิขสิทธิ์เป็นอย่างไร จะดึงเรื่องความร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯทั้งหมดทุกเรื่องทั้งงานวิจัย และนวัตกรรมที่กำลังดำเนินการทั้งหมดมาอยู่ในส่วนนี้ ให้สอดคล้องกับการดำเนินนโยบายของภาครัฐ

- สมาชิกบางส่วนผลักดันตั้งสมาพันธ์ SMEs


SMEs ที่รวมกลุ่มกันลักษณะสมาพันธ์ ผมเข้าใจว่ามีความกดดันมาแต่แรก จากความไม่เป็นเอกภาพของ ส.อ.ท. และความช่วยเหลือเอสเอ็มอีอาจจะไม่ชัดเจนจนเห็นชัดมาก เพราะฉะนั้นในสมัยผมช่วยกันอย่างชัดเจน และผมเองมาจากเอสเอ็มอี อยากจะให้มาทำงานร่วมกัน ที่ผ่านมาที่เราทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยเฉพาะการผลักดันให้เรื่องเอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ

- ปัจจัยที่เศรษฐกิจจะฟื้นนอกจากการลงทุนของรัฐ

เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจนตอนนี้คือการท่องเที่ยวไตรมาสนี้โตประมาณ30% เมื่อเทียบปีที่แล้ว การลงทุนภาคเอกชนน่าจะเริ่มดีขึ้น จากตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่อนุมัติผ่านโครงการไปพอสมควร รวมถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนดีขึ้น จากที่ผ่านมามีโครงการค้างอยู่ไม่กล้าลงทุน และมีโครงการที่ติดปัญหาเรื่องใบ ร.ง.4 ก็ทยอยเข้ามาไตรมาส 2 จะเห็นชัดขึ้น

ส่วนปัญหาเรื่องของงบประมาณที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนเบิกจ่ายได้อย่างชัดเจน แม้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี และทีมของนายกฯจะพยายามทั้งผลักและดัน แต่ยอมรับว่าเหนื่อย เท่าที่ผมเช็กดู การผลักดันส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ค้างต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ขณะที่โครงการขนาดกลางและขนาดเล็กที่จะออกมาใหม่ไม่มี ไม่เหมือนสมัยที่มีนักการเมืองจะเข้าไปผลักดันโครงการใหม่ ๆ ออกมา เรามีหน่วยงานตรวจสอบจนกระทั่งข้าราชการกลัวไปหมด ถ้าเกิดพลาดขึ้นมา และมีการฟ้องร้องกันง่าย จนกระทั่งผมคิดว่า ข้าราชการคิดว่าไม่ทำโครงการใหม่ ๆ ดีกว่า อย่างมากโดนด่า แต่ไม่โดนติดคุก เรามีกลไกตรวจสอบมาก จนคนไม่กล้าทำงาน เราห่วงเรื่องคอร์รัปชั่นดี แต่อย่าทำจนกระทั่งทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งไม่มีใครกล้าทำ

นอกจากนี้ สินค้าเกษตรรัฐบาลพยายามแก้อยู่ เรื่องงบประมาณ โครงการขนาดเล็ก งบประมาณตั้งแต่ 1-30 ล้านบาท ถ้างานออกมา คนที่ได้งานเป็นกลุ่มเอสเอ็มอี จะช่วยเรื่องสภาพคล่องของเอสเอ็มอี ทางออกของเรื่องนี้ผมว่าการแก้ไขมันต้องให้ข้าราชการเข้าใจ และงบประมาณที่ตั้งไว้ ทำอะไรต้องเข้าไปผลักดันให้เกิด

- ความหวังงบฯรัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น

ตอนนี้รัฐบาลมีทีมงานติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิดทั้งนี้การผลักดันอย่างเดียวคงไม่ได้ต้องคิดโครงการให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เสริมสร้างต่อยอดเศรษฐกิจด้วย ผมกลัวอย่างเดียว เรื่องแจกเงินอย่างที่ทำในปัจจุบันควรมีการปรับปรุง ไม่อย่างนั้นต่อไปจะติดเป็นนิสัย

- ความเห็นต่อนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ

รัฐพยายามผลักดันโครงสร้างพื้นฐานลงไป เริ่มมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีให้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ และพยายามหาที่ดินให้ภาคเอกชน จะดีขึ้น ตอนนี้กำลังจัดหาที่ดินให้เอกชนเข้ามาลงทุน เช่น พื้นที่ที่เป็นแหล่งเสื่อมโทรมของป่า หรือพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ให้เอกชนเช่าในราคาที่เหมาะสม วันนี้ที่ดินราคาเกินความเหมาะสมไปแล้ว หากรัฐทำวิธีนี้ มันจะทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม อยากฝากไว้ถึงรัฐบาลในอนาคต หากโครงการไหนดีควรมีการสานต่อ

อยากให้เปลี่ยนวัฒนธรรมการเมืองไทย ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยยอมรับโครงการของอีกฝ่ายที่ทำไว้ เพิ่มกติกา แก้กฎหมาย กฎระเบียบ ปรับเปลี่ยนใหม่ ทำให้เรื่องที่ควรจะเดินไปได้ไม่เดิน ภาคเอกชนทำงานกันลำบาก ถ้าแค่ปัดฝุ่นและเดินหน้าต่อไปดีกว่า ถ้าโครงการไหนไม่ดียกเลิกไป แต่โครงการไหนดีควรเดินหน้าต่อไป อย่างตอนนี้เรื่องการแก้ปัญหาชาวนาปลูกข้าว ประกันไม่เอา จำนำไม่เอา ใช้วิธีแจกเงิน ก็ไม่ใช่หนทางระยะยาว สำคัญต้องดูกรอบเรื่องคอร์รัปชั่นไม่ให้เกิด

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.