
อดีตขุนคลัง คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 3-3.5% จากลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐ ประเมินเบิกจ่ายงบฯ ได้ 80% มองส่งออกยังไม่ดี ชี้ทั่วโลกอยู่ในสภาวะเงินฝืด แนะกนง.ลดดอกเบี้ย 0.50%...
นายทนง พิทยะ อดีต รมว.คลัง คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ราว 3-3.5% จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณในปีนี้คงจะทำได้ราว 80% เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาตรวจสอบ และมีขั้นตอนต่างๆ ค่อนข้างมาก ดังนั้น เศรษฐกิจปีนี้คงไม่เติบโตถึง 4% ตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ ขณะที่การส่งออกมองว่า น่าจะยังไม่ดีนัก เพราะทั่วโลกยังอยู่ในภาวะของเงินฝืด
นายทนง กล่าวต่อว่า ส่วนราคาพืชผลทางการเกษตรยังตกต่ำ ไม่ได้เป็นผลมาจากการลดลงตามฤดูกาล แต่มาจากการที่ภาครัฐหยุดอุดหนุน อย่างไรก็ตามคาดว่าภาวะดังกล่าวจะเป็นแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น ซึ่งทางภาครัฐต้องหาทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว
“เราต้องเร่งปรับโครงสร้างเกี่ยวกับเศรษฐกิจของรากหญ้า เพราะจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งก่อนหน้านี้มีการอุดหนุนจากภาครัฐมากเกินไป ไม่สะท้อนกับความเป็นจริง พอมีการหยุดเพื่อปรับโครงสร้าง จึงเกิดปัญหาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในปีนี้จะมาจากการลงทุนของภาครัฐ โดยหากเดินได้หมดทุกโครงการ 100% น่าจะทำให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่า 4%” นายทนง กล่าว
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกับดอกเบี้ยในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ ซึ่ง กนง.ควรจะมีการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ไม่ควรฝืนเทรนด์ของโลก หากเราฝืนจะส่งผลกระทบทั้งในด้านของความผันผวนของค่าเงิน การไหลเข้าออกของเงิน รวมไปถึงการส่งออกอีกด้วย