นายแบงก์ประเมินเศรษฐกิจไทยเสี่ยงจากภายใน-ภายนอกประเทศ จับตาปัญหาเพดานหนี้สหรัฐ

ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังเปราะบางสูง ทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ตลอดจนการเบิกจ่ายของรัฐบาล แม้สัญญาณการฟื้นตัวจะมีมากขึ้นก็ตาม ขณะที่การส่งออก แม้ปีที่ผ่านมาจะบวก 1.9 % แต่ปีนี้อาจไม่สดใส โดยจะต้องจับตาเศรษฐกิจโลก เพราะทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก ต่างออกมาฟันธงว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะขยายตัวต่ำกว่าที่เคยประมาณเอาการไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทย มีเพียงสหรัฐเท่านั้นที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ในที่สุดยังคงมีความเสี่ยงจากปัญหาเกี่ยวกับข้อจำกัดในเรื่องเพดานหนี้สาธารณะที่อาจกลับมาอีกครั้ง ซึ่งต้องจับตาการเมืองและการประชุมรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
ส่วนเงินบาทตลอดปีนี้คาดว่าจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 33.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 32.5-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ากว่าปลายปีที่ผ่านมา ส่วนครึ่งปีหลังอยู่ที่ประมาณ 33-33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองคือเศรษฐกิจสหรัฐและการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงินผันผวน
ขณะที่เงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่า 1% โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 0.5-1% ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาติดลบ 0.41% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปีนั้น ยังไม่ได้ทำให้ไทยเกิดปัญหาเงินฝืด แต่ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 1/58 ถ้าออกมาไม่ดี และการบริโภคหรืออุปสงค์ลดลง และเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องอาจทำให้เกิดปัญหาเงินฝืดได้
ส่วนดอกเบี้ยนโยบายคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะคงไว้ที่ 2 % ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยปัจจัยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญคือ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในลงทุนโครงการต่าง ๆ ทั้งนี้อาจต้องทบทวนประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ใหม่จากเดิมที่คาดว่า ตลอดปีจะโตเฉลี่ยที่ 3.5% และส่งออกโต 3 %