ทางการญี่ปุ่นรายงานยอดการส่งออกเดือนธันวาคม พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ หลังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าและยอดการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น

กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้(26 มกราคม 58)ว่า ยอดการส่งออกในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน ทำสถิติยอดการส่งออกที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านา และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 11%
รายงานของกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นระบุว่า ยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มาจากยอดการส่งออกรถยนต์ที่ส่งไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มมากขึ้นเป็น สำคัญ และสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคส์ที่ส่งไปจีนได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัย สำคัญ
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า ยอดการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 23.7% ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดการส่งออกไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้น 4.3%
ในขณะที่ยอดการส่งออกไปยังเอเชีย ซึ่งมีปริมาณที่มากกว่าครึ่งของยอดการส่งออกทั้งหมดขเองญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11.0% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดการส่งออกไปยังประเทศในสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น 6.8%
ส่วนทางด้านการนำเข้าในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3% จาก การลดลงอย่างแรงของราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้มูลค่าการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากต่างประเทศของญี่ปุ่นลดลงไปโดยปริยาย ส่งผลให้ยอดการขาดดุลการค้า ของญี่ปุนลดลงถึง 49.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมียอดการขาดดุลการค้าอยู่ที่ระดับ 660.7 พันล้านเยน(ประมาณ 5.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)นับเป็นการขาดดุลการค้าต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 30 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนประเด็นหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะ เศรษฐกิจ อาจจะทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปี 2558 ดู มีอนาคตมากขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของนายชินโซ อาเบะ ดูสดใสมากขึ้น หลังจากพยายามกดค่าเงินเยนให้อ่อนค่าลง ด้วยมาตรการ QE