ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีร้อง ถูกหั่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีลดลงจากเคยได้ 8 ปี ไม่จำกัดวงเงิน ก็มาเป็น 8 ปี จำกัดวงเงิน ล่าสุดตีกรอบได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 2-8 ปี แล้วแต่ประเภทกิจการและเงื่อนไข ร้องบางประเภทได้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 2 ปี

สืบเนื่องจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด บีโอไอ) ได้ลงนามในประกาศ ที่ 5/2557 เรื่อง "มาตรการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)" เพื่อส่งเสริมศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งให้กับ เอสเอ็มอีของไทยให้สามารถก้าวสู่ระดับสากลมากขึ้น จึงมีการพิจารณาให้กิจการเอสเอ็มอีไทยที่ได้รับส่งเสริม จะได้รับสิทธิและประโยชน์ด้านภาษีสูงกว่าเกณฑ์ปกติ โดยจะได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่ 2-8 ปี จากปกติที่บางกิจการไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 2 ปี หรือบางกิจการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ก็จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มอีก 2 ปี รวมเป็น 5 ปี เป็นต้น
และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทย บีโอไอยังมีนโยบายสนับสนุนกิจการเอสเอ็มอีไทยให้ลงทุนเพิ่ม โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1-3 ปี หากมีการลงทุนเพิ่มในด้านต่างๆ อาทิ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนกองทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากร หรือสถาบันการศึกษา รวมถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิเทคโนโลยีที่พัฒนาจากแหล่งใน ประเทศ การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ หากเอสเอ็มอีไทยจะตั้งสถานประกอบการในพื้นที่ 20 จังหวัดรายได้น้อย อาทิ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครพนม น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ แพร่ เป็นต้น จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 3 ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน 8 ปี ทั้งนี้ กิจการเอสเอ็มอีไทยที่ได้รับส่งเสริมตามมาตรการนี้ ยังสามารถใช้เครื่องจักรที่ใช้แล้วในประเทศได้ในมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท
ต่อเรื่องนี้นายสมเกียรติ ชูพรรคเจริญ นายกสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย(Thai Subcon) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เวลานี้บรรดาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ต่างโฟกัสไปในทิศทางเดียวกันว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนสำหรับเอสเอ็มอีนับ วันสิทธิประโยชน์ทางภาษีค่อยๆ ลดลงจากเดิมมีประกาศให้สิทธิประโยชน์สูงสุดเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร เว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ไม่จำกัดวงเงิน และใช้เครื่องจักรเก่าได้ ต่อมาให้คงสิทธิประโยชน์ทางภาษี 8 ปีไว้แต่จำกัดวงเงินการลงทุนไม่เกิน 20 ล้านบาท จนล่าสุด บวกเพิ่มยกเว้นภาษีเงินได้ 2 ปี จากเกณฑ์ปกติขึ้นอยู่ที่ประเภทกิจการ กรอบเงื่อนไขของกิจการนั้นๆ ทำให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมีตั้งแต่ 2-8 ปี จากที่เคยได้ 8 ปี ในเอสเอ็มอีทุกประเภท ต่อไปจะได้ 8 ปีสำหรับบางประเทศกิจการ และขึ้นอยู่ที่เงื่อนไข
"ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีคงไม่แฮปปี้เพราะกิจการเอสเอ็มอีบางประเภทเคยได้รับ สิทธิประโยชน์สูงสุดมาก่อน มาวันนี้จะมีเอสเอ็มอีบางประเภทกิจการได้สิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพียง 2 ปีเท่านั้นหรือได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต่ำกว่า 8 ปี "
สอดคล้องกับที่นายสมพร ภูมิวัฒน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมแก้วและกระจก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวว่า กิจการผลิตผลิตภัณฑ์แก้วเป็น 1 ใน 38 กลุ่มอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีน้อยลง โดยได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียง 2 ปี ยอมรับว่าได้รับผลกระทบเมื่อสิทธิประโยชน์ลดลง
"เข้าใจว่าเป็นเพราะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมาก ในขณะที่นโยบายบีโอไอเน้นการลดหรือประหยัดพลังงาน และต้องเป็นอุตสาหกรรมที่มีอินโนเวชัน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มแก้วและกระจกมีความพยายามอยู่แล้วในการใช้เศษแก้วมาผลิต และหาวิธีทำเตาหลอมที่ประหยัดพลังงาน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่ที่นโยบาย อันมีทั้งได้และเสีย "
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า เอสเอ็มอีที่สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมจะต้องเป็นกิจการที่มีเงินลงทุนขั้น ต่ำของแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) มีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% ของทุนจดทะเบียน ต้องมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 3 ต่อ 1 โดยเมื่อรวมกิจการทั้งหมดทั้งที่ได้รับการส่งเสริมและไม่ได้รับการส่งเสริม แล้ว ผู้ขอรับส่งเสริมต้องมีสินทรัพย์ถาวรสุทธิ หรือเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่เกิน 200 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,018 วันที่ 15 - 17 มกราคม พ.ศ. 2558