
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนธันวาคม 2557 อยู่ที่ 81.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน ที่ 79.4 สูงสุดในรอบ 18 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าราคาน้ำมันที่ลดลงช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและ ทำให้มีเงินเหลือมากขึ้น
นอกจากนี้ มาตรการลดราคาสินค้า 20-70% สร้างจิตวิทยาเชิงบวกให้กับผู้บริโภคในการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปี ใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพาราที่ยัง ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ตลอดจนการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ทำให้กำลังซื้อโดย รวมทั่วประเทศยังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและ ธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่าการบริโภคของภาคประชาชนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 ยังคงฟื้นตัวขึ้นไม่มาก แม้ว่าระดับราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการบริโภคจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการเร่งเบิกจ่ายเงินลงทุน ของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญในช่วงที่การส่งออกและการท่องเที่ยว ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนอยู่
ขณะ ที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น จากระดับ 68.8 ในเดือนที่ผ่านมาสู่ระดับ 70.5 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคม 2557 เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในระดับที่ดี ปานกลาง และแย่ประมาณ 6.3% 57.9% และ 35.8% ตามลำดับ ขณะที่เดือนพฤศจิกายนผู้บริโภคมีความเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในระดับ ที่ดี ปานกลาง และแย่ประมาณ 5.6% 57.6% และ 36.8% ตามลำดับ
ส่วน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยดัชนีปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน ที่อยู่ที่ 57.0 สู่ระดับ 58.2 ทั้งนี้ในเดือนธันวาคม 2557 ผู้บริโภคเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่ดี ปานกลาง และแย่ประมาณ 2.9% 52.3% และ 44.8% ตามลำดับ
ขณะที่เดือนพฤศจิกายนผู้บริโภคเห็นว่าภาวะ เศรษฐกิจอยู่ในระดับที่ดี ปานกลาง และแย่ ประมาณ 2.4% 52.2% และ 45.4% ตามลำดับ การที่ดัชนีมีค่าอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงให้เห็นว่าโดยภาพรวมแล้วผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความรู้สึกวาภาวะเศรษฐกิจใน ปัจจุบันยังมีภาวะไม่ดีนัก รวมทั้งสถานการณ์ทางด้านของราคาพืชผลทางการเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำ
นาย ธนวรรธน์กล่าวว่า คาดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ปี 2558 จะขยายตัวได้ 3.5-4% โดยมองครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ 2.5-3% และครึ่งปีหลัง 4.5-5% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน การลงทุนภาครัฐ และความชัดเจนของนโยบายต่าง ๆ
ด้านเงินเฟ้อที่ต่ำในรอบ 62 เดือน จะเป็นตัวเร่งการจับจ่ายใช้สอยได้ดี เพราะประชาชนมองว่ามีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น และยังมองว่าการส่งออกเติบโตที่ 3-4% แต่ก็ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจน อาจมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดประมาณการส่งออกปีนี้ลงเหลือโตเพียง 2-3% ตอนนี้เรายังไม่ได้ปรับเป้าหมายการส่งออก แต่มีความป็นไปได้ที่จะปรับ คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
แต่ภาครัฐจะต้องเร่งลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน สร้างความชัดเจนในส่วนของเศรษฐกิจดิจิทัลว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร รวมไปถึงในส่วนของการเร่งสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อช่วยส่งเสริมด้านการลงทุน
สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างต่อ เนื่อง นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงธันวาคม 2557 ช่วยให้ประชาชนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันได้ถึง 10,000 ล้านบาท หลังจากราคาน้ำมันดีเซลลดลงกว่า 3 บาท และเบนซินลดลงกว่า 10 บาท อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไปมองว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดลงได้อีก 2 บาทต่อลิตร