สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เมกะโปรเจ็กต์ กู้เศรษฐกิจปี58 สารพัดโครงการ1.2ล้านล.
07/01/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

เปิดแผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ 3 ล้านล้าน คมนาคมจัดทัพประมูลเฟสแรก 52 โครงการในปี "58 สนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ลงทุนกว่า 1.2 ล้านล้าน ทั้งรถไฟฟ้าหลากสี ทางคู่ 6 สาย มินิไฮสปีดเทรน ถนน 4 เลน มอเตอร์เวย์ 3 สาย ยักษ์รับเหมาตีปีกรักศักราชปีทอง วัสดุ-อสังหาฯรับอานิสงส์ถ้วนหน้า คลัง-สำนักงบฯ มองบวกสถิติเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯดีขึ้นเยอะ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปี 2558 โจทย์ใหญ่รอท้าทายรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา หนีไม่พ้นภารกิจกอบกู้เศรษฐกิจการค้าการลงทุนที่ซบเซาให้คึกคักมากขึ้น เป้าหมายใหญ่คือผลักดันเศรษฐกิจไทยให้จีดีพีขยายตัวได้ถึง 4.5% หนึ่งในยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนที่รัฐบาลให้ความสำคัญก็คือกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนรวมกว่า3ล้านล้าน

ลงทุนอินฟราฯพระเอกกู้ศก.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ปี 2558 โครงสร้างพื้นฐานจะเป็นจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจไทย และน่าจะเป็นพระเอกของปีที่จะขับเคลื่อนการลงทุน เพราะประเมินแล้ว โครงการภาครัฐจะเป็นตัวนำทุกด้าน ทั้งระบบราง ระบบถนน เพื่อเชื่อมการค้าการลงทุน ลดต้นทุนโลจิสติกส์การขนส่ง

ทั้งนี้ ความคืบหน้าของแผนงานและแผนเงินในส่วนรับผิดชอบคมนาคมในฐานะเจ้าภาพใหญ่ พบว่ามีโครงการที่เตรียมความพร้อมรอกดเปิดประมูลก่อสร้างนับ 100 โครงการ โดยเฉพาะ "รถไฟฟ้าหลากสี-รถไฟทางคู่-มินิไฮสปีดเทรน" จะเป็นโปรเจ็กต์ไฮไลต์ เพราะใช้เม็ดเงินลงทุนร่วม 1 ล้านล้านบาท

เปิดไส้ในแผน 3 ล้านล้าน

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง 8 ปี (2558-2565) มีครบถ้วนทั้งทางบก ราง น้ำ อากาศ คาดว่าใช้เงินลงทุนกว่า 3 ล้านล้านบาท โดยเม็ดเงินการลงทุนจะมาจาก 5 แหล่ง คืองบประมาณ เงินกู้ รายได้จากรัฐวิสาหกิจ การร่วมทุนภาคเอกชนแบบ PPP และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ฟันด์) ซึ่งกำลังศึกษา จะนำมาใช้กับการลงทุนโครงการไหนบ้าง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 รถไฟฟ้าต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-ดอนเมือง)

52 โครงการ คิกออฟปี?

โฟกัสภาพรวมการลงทุนปี 2558 พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า มีโครงการใหญ่พร้อมประมูลและก่อสร้าง 52 โครงการ รวมมูลค่า 1,272,088 ล้านบาท (ดูตาราง) แยกเป็นรถไฟทางคู่ 6 สายทาง เงินลงทุน 129,306 ล้านบาท เร่งประมูลและเปิดใช้พร้อมกันปี 2561 ได้แก่ 1.สายฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. ตามแผนงานเตรียมประมูล ม.ค.-ก.พ.นี้ คาดว่าเริ่มสร้าง มี.ค. 2.สายจิระ-ขอนแก่น 185 กม. เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ ก.พ. เปิดประมูล มี.ค. เริ่มสร้าง ก.ย.นี้ 3.สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กม. ขออนุมัติ ครม.เม.ย. เปิดประมูล พ.ค. คาดว่าเริ่มสร้าง พ.ย.นี้

4.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ 148 กม. เสนอ ครม.อนุมัติ เม.ย. เริ่มประมูล พ.ค. คาดว่าก่อสร้าง พ.ย.นี้ 5.สายมาบกะเบา-จิระ 132 กม. ขออนุมัติ ครม. เม.ย. เปิดประมูล พ.ค. คาดว่าเริ่มสร้าง พ.ย. และ 6.สายนครปฐม-หัวหิน 165 กม. เสนอ ครม.อนุมัติ เม.ย. เปิดประมูล พ.ค. คาดว่าเริ่มสร้าง พ.ย.นี้

มินิไฮสปีด-รถไฟฟ้าสายใหม่

ส่วนรถไฟทางมาตรฐานราง 1.435 เมตร 3 เส้นทาง ลงทุนรวม 493,775 ล้านบาท ได้แก่ เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ-ระยอง จะเริ่มสำรวจ ออกแบบ และประเมินราคาเส้นทางสายไปอีสาน ที่ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับรัฐบาลจีนก่อน ใช้เวลา 10 เดือน นับจาก ม.ค. 2558

รถไฟฟ้าใหม่ 8 เส้นทาง ลงทุน 373,823 ล้านบาท จะเร่งสร้างให้เสร็จภายในปี 2563 ทั้งนี้ ในเดือน มิ.ย.นี้จะเริ่มสายแรก สายสีเขียว (หมอชิต-คูคต) 18.4 กม. โครงการที่เหลือทยอยเสนอ ครม.อนุมัติ ตามแผนเดือน ก.พ. มีสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) 21.2 กม. เริ่มประมูล มี.ค. และเวนคืน มิ.ย. คาดว่าเริ่มสร้างปี 2559

สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 36 กม. สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) 30.4 กม. เนื่องจากเป็นระบบโมโนเรล หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หลังเสนอ ครม.อนุมัติ ก.พ.นี้ จะเริ่มงานจัดหาระบบรถไปพร้อมกัน เมื่อได้บริษัทแล้วถึงจะออกแบบงานโยธา คาดว่าเริ่มสร้างปี 2559

สายต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-ดอนเมือง) 21.8 กม. เสนอ ครม. ก.พ. เปิดประมูล มี.ค. คาดว่าเริ่มสร้าง ก.ย.นี้ ส่วนสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก) สีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) 25.5 กม. เสนอ ครม.อนุมัติ ก.พ. เปิดประมูล มี.ค. เริ่มสร้าง ต.ค.นี้ จะดำเนินการพร้อมสายสีแดงเข้ม (รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) 10 กม. และเร่งศึกษารถไฟฟ้าต่อขยายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑลสาย 4) อีก 8 กม. เพื่อเสนอ ครม.อนุมัติปลายปี คาดว่าเริ่มสร้างในปี 2559

เร่งรัดมอเตอร์เวย์ 3 สาย

ขณะที่มอเตอร์เวย์ 3 สายทาง เงินลงทุนรวม 160,420 ล้านบาท จะก่อสร้างสายพัทยา-มาบตาพุด 32 กม. เป็นสายแรก ตามแผนเริ่มเวนคืนและเปิดประมูลในเดือน เม.ย. คาดว่าเริ่มสร้าง ส.ค.นี้ ส่วนสายบางปะอิน-นครราชสีมา 196 กม. กับบางใหญ่-กาญจนบุรี 96 กม. จะเสนอ ครม. ภายใน ม.ค. เพื่อเตรียมหาแหล่งเงินลงทุน คาดว่าเริ่มประมูลและเวนคืนปี 2559

นายชูศักดิ์ เกวี อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า มอเตอร์เวย์ 2 สายนี้จะใช้เงินลงทุนจาก 2 แหล่ง คือเงินกู้ในประเทศและรูปแบบโปรเจ็กต์ไฟแนนซ์ โดยให้เอกชนเป็นผู้หาเงินลงทุนให้ จากนั้นรัฐบาลชำระคืนภายหลัง น่าจะเป็นวิธีการลงทุนที่เร็วที่สุด

ผุดถนน-ท่าเรือรับเออีซี

ส่วนงานถนน พล.อ.อ.ประจินเปิดเผยว่า ปี 2558 เป็นปีที่เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จึงจะเร่งรัดถนน 4 ช่องจราจรกับถนนเชื่อมระหว่างประเทศเชื่อมประตูการค้าชายแดน วงเงินรวม 8,957 ล้านบาท เริ่มประมูล ม.ค.-มี.ค.นี้ คาดว่าเริ่มสร้าง เม.ย. และทยอยเสร็จปี 2558-2561 รวมถึงเร่งพัฒนาขนส่งทางน้ำ ลงทุนรวม 7,098 ล้านบาท มีโครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง A ท่าเรือแหลมฉบัง พัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง ทั้ง 2 โครงการเสนอ ครม.แล้ว คาดว่า ม.ค.นี้จะได้รับอนุมัติ พร้อมเปิดประมูล ก.พ. เริ่มสร้าง ก.ค. อีกทั้งเร่งก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำป่าสักชลสิทธิ์

ทุ่มแสนล้านยกระดับสนามบิน

ด้านการพัฒนาขนส่งทางอากาศ เงินลงทุนรวม 85,547 ล้านบาท แยกเป็นขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 วงเงิน 66,943 ล้านบาท คาดว่าเริ่มประมูลปลายปี 2558

นอกจากนี้ พัฒนาสนามบินอื่น ๆ เช่น สนามบินดอนเมือง ระยะที่ 2 แล้วเสร็จ ส.ค.นี้, ขยายสนามบินภูเก็ต แล้วเสร็จปี 2558-2560, สนามบินอู่ตะเภา, สนามบินแม่สอดรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ, สนามบินเบตง และสนามบินกระบี่

ส่วนโครงการซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คัน จะรับมอบรถลอตแรก 489 คัน เดือน พ.ค.นี้

เงินลงทุนสูงสุดปี?-63

"เงินลงทุนเฉพาะปี"58 สำหรับเริ่มโครงการ ทั้งเวนคืน ก่อสร้าง ศึกษา อยู่ที่ 55,986 ล้านบาท จากนั้นทยอยลงทุนปี"59-65 แต่ละปีใช้เงินลงทุนไม่เท่ากัน คาดว่าเฉลี่ยปีละ 1-4 แสนล้านบาท วงเงินมากที่สุดจะเป็นช่วงปี"62-63"

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเวลาของรัฐบาลชุดปัจจุบันมีน้อย พล.อ.อ.ประจินอธิบายว่า จะเร่งเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นการลงทุนของประเทศ ทั้งรถไฟฟ้า 10 สาย ทางคู่ ถนนมอเตอร์เวย์ สนามบิน แต่ก็ดูตามความพร้อม อาจจะทำไม่ได้หมด เพราะจำนวนโครงการมาก และใช้เงินลงทุนสูง ต้องศึกษาแหล่งเงินให้ดี ไม่ก่อหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่ม

ลงทุนน้ำ 10 ปี 9.5 แสนล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้รัฐบาลประยุทธ์ยังมีแผนลงทุนบริหารจัดน้ำฉบับใหม่ในปี 2558 ทั้งโครงการป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำเสีย หรือการปรับปรุงคุณภาพน้ำ โดยยกเลิก 9 โมดูลเดิม คัดแยกเป็นรายโครงการ และเดินหน้าตามความพร้อม ใช้เวลา 10 ปี (2558-2567) ลงทุนกว่า 9.5 แสนล้านบาท

ได้แก่ โครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ 2.3 หมื่นล้านบาท แก้ไขการขาดแคลนน้ำ 6.59 แสนล้านบาท แก้น้ำท่วม 1.8 แสนล้านบาท ปรับปรุงคุณภาพน้ำ 5.84 หมื่นล้านบาท ระบบบริหารจัดการน้ำ 3.03 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับทุกหน่วยงานที่ดูเรื่องน้ำ เช่น กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ การประปานครหลวง (กปน.)

ITD จองรถไฟฟ้า-บิ๊กโปรเจ็กต์

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นโยบายเร่งเปิดประมูลงานรัฐทำให้วงการรับเหมาก่อสร้างคึกคักขึ้นทันตาเห็น โดยต้องจับตา 3 บริษัทยักษ์คือ "อิตาเลียนไทย-ซิโน-ไทย-ช.การช่าง" ขณะที่งานระบบรางอาจจะพ่วงบริษัท เอ.เอ.แอสโซซิเอท (1996) จำกัด, บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น, บริษัท ทิพากร จำกัด, 5 เสือกรมทางหลวง กับบริษัทรับเหมาจีนและญี่ปุ่น

นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปี 2558 จะเป็นปีทองผู้รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากรัฐบาลมีโครงการประมูลใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะงานประมูลคมนาคมที่โดดเด่นที่สุด ทั้งรถไฟฟ้า ทางคู่ มอเตอร์เวย์ ถนน สุวรรณภูมิ เฟส 2 และรถไฟความเร็วปานกลาง ที่ไทยร่วมกับจีนพัฒนา

"บริษัทพร้อมยื่นประมูลทุกโครงการ คาดว่าจะได้ส่วนแบ่งจากงานเปิดประมูลประมาณ 30% ถ้าหากสำเร็จจะทำให้งานในมือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านบาท จากปี"57 มีอยู่ 2.3 แสนล้านบาท รวมแล้วคาดว่าอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท รับรู้รายได้ไปอีก 3-4 ปี"

ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำ อิตาเลียนไทยฯรอความชัดเจนจากรัฐบาล และพร้อมเข้าประมูลใหม่ ล่าสุดรัฐบาลให้บริษัทขยายเวลาวงเงินหลักประกันซอง (บิดบอนด์) ออกไปอีก 6 เดือน ถึง พ.ค.นี้

ช.การช่างมั่นใจคว้างาน 25%

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ช.การช่าง กล่าวว่า บริษัทเตรียมพร้อมที่จะแข่งขันประมูลงาน มั่นใจว่าจะคว้างานประมาณ 20-25% คาดว่าจะมีงานในมือเพิ่มกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมมีอยู่ 1 แสนล้านบาท รับรู้รายได้อีก 4 ปี เฉลี่ยปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท

"งานอั้นมานาน ปีหน้ามีงานออกมาเยอะ น่าจะเป็นโอกาสที่จะเห็นผู้รับเหมารายใหญ่ร่วมกับรายกลางประมูลงานกันมากขึ้น เพราะโครงการหลายหมื่นล้านจะต้องร่วมกัน 2-3 บริษัท ทุกคนก็อยากได้งาน แต่ต้องแข่งขันกันบนกติกา และศึกษาต้นทุนให้ดี"

ซิโน-ไทยฯพร้อมแข่งราคา

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทยฯ กล่าวว่า บริษัทเตรียมพร้อมเข้าประมูลงาน หลังจากที่ได้งานสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) สัญญาที่ 3-4 แล้ว ตั้งเป้าประมูลงานใหม่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 2 หมื่นล้านบาท

คลังชี้เร่งเบิกจ่ายงบฯดีขึ้น

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในปี 2558 ความหวังเศรษฐกิจไทยจะอยู่ที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการเปิดเออีซี ล่าสุดตนได้หารือกับญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการยืนยันว่ายังเลือกลงทุนในประเทศไทย เพราะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน

อย่างไรก็ตาม ปี 2558 จะต้องจับตาการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่จะมีความผันผวน ราคาน้ำมันที่ยังไม่นิ่ง และปัญหาภัยธรรมชาติ ทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรด้วย

ขณะที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ปี 2558 จะเห็นผลบวกจากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯลงทุนมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีมติ ครม.ให้เร่งทำสัญญาก่อหนี้ภายในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ โดยช่วงไตรมาสแรกแม้ว่าโครงการต่ำกว่า 500 ล้านบาทจะทำสัญญาไม่ได้ 100% ตามที่กำหนด แต่ก็ทำได้มากขึ้นกว่าที่ผ่าน ๆ มา ดังนั้นแนวโน้มจะส่งผลดีต่อการเบิกจ่ายในระยะต่อไปแน่นอน

ซีเมนต์-อสังหาฯรับอานิสงส์

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือเอสซีจี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การเปิดประมูลงานภาครัฐจะส่งผลดีต่อธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ประเมินความต้องการใช้ซีเมนต์ปีนี้น่าจะเติบโต 6% หรือมีดีมานด์ 37-39 ล้านตัน จากปี 2557 ที่คาดการณ์ติดลบ 1% เนื่องจากการลงทุนภาครัฐชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้ซีเมนต์ในประเทศลดลง

นายภากร เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน ผู้ผลิตปูนทีพีไอ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังไม่ได้เจรจาออร์เดอร์คอนกรีตผสมเสร็จกับผู้รับเหมาที่ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริษัทคาดหวังส่วนแบ่งประมาณ 20% จากงานนี้

แหล่งข่าวจาก บมจ.ปูนซีเมนต์เอเซียเปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดหวังส่วนแบ่งคอนกรีตผสมเสร็จงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวประมาณ 10% ส่วนรถไฟทางคู่ยังไม่สามารถประเมินได้ โดยประเมินว่าจะเริ่มเห็นการก่อสร้างอย่างเร็วไตรมาส 3-4/58

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เปิดเผยว่า หากเริ่มลงมือสร้างสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) จะส่งผลดีต่อโครงการที่อยู่อาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า ส่วนโครงการรถไฟทางคู่จะส่งผลกับธุรกิจอสังหาฯทางอ้อมมากกว่า เนื่องจากเศรษฐกิจภูมิภาคจะดีขึ้นจากการคมนาคมสะดวก ส่วนการกระตุ้นดีมานด์ที่อยู่อาศัยยังไม่ชัดเจน

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ เปิดเผยว่า แสนสิริพัฒนาโครงการในจังหวัดที่เป็นแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ ได้แก่ จ.ระยอง โคราช ขอนแก่น อุดรธานี หากรัฐบาลเริ่มก่อสร้างโครงการจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเปิดพื้นที่ใหม่ในการพัฒนาโครงการ

ปัจจัยถ่วง:เงินลงทุนรัฐล่าช้า

ผู้สื่อข่าว"ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า จากการที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักหลาย ๆ ตัวอ่อนกำลังไป โดยเฉพาะภาคส่งออกซึ่งเป็นสัดส่วน 70% ของจีดีพี ทางกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลข 11 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 209,188 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.42% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่งผลทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์อัตราเติบโตการส่งออกปี 2557 ติดลบ 0.5% และคาดว่าแนวโน้มการส่งออกปี 2558 จะมีอัตราการเติบโตเพียง 1% เท่านั้น เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะตลาดส่งออกในกลุ่มยูโรและญี่ปุ่น

ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) ระบุว่า ล่าสุดได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2558 ลงมาอยู่ที่ 3.5% จากเดิมคาดว่าจะโต 4.0% เหตุผลเนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนยังประสบปัญหาในหลายหมวดสินค้า

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบจากปัญหาการเบิกจ่ายและการดำเนินโครงการรัฐที่ล่าช้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน แม้ในปี 2558 จะมีการใช้งบประมาณลงทุนในโครงการรถไฟทางคู่กว่า 6.8 หมื่นล้านบาท แต่ก็คาดว่าเม็ดเงินนี้จะกระจายเข้าสู่ระบบอย่างเต็มที่ในปี 2559-2560

ดังนั้นจึงยังไม่มั่นใจว่าปี 2558 แผนกระตุ้นด้วยเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
                        

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.