สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

จีดีพี 3 เดือนโต 3% ปีหน้า 4.5% “หม่อมอุ๋ย”โชว์บริหารงานเศรษฐกิจได้ผล
30/12/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

tnews 1383624833 4977

“ปรีดิยาธร” ฟุ้งผลงาน “รัฐบาลประยุทธ์” ทำเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีนี้ขยายตัวได้ 3% จากการฟื้นของ 3 ปัจจัย การบริโภค การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน เชื่อมีแรงส่งต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีหน้าดันจีดีพีโต 4% และทั้งปีขยายตัว 4.5% ห่วงปีหน้าราคาน้ำมันดาบสองคม จับเข่า “ณรงค์ชัย” ประเมินผลกระทบคาด 2 เดือนรู้ผล ด้าน “ประยุทธ์” สั่งเข้มเร่งโอนเงินให้ชาวสวนยางให้ครบ 8.5 แสนราย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีกล่าวในการแถลงผลงานรัฐบาลรอบ 3 เดือนว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสแรกปี 2557 ขยายตัวติดลบ 0.5% ไตรมาส 2 ขยายตัว 0.4% ไตรมาส 3 ขยายตัวได้ 0.6% ส่วนไตรมาส 4 ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้ามาทำงานเต็มที่แล้วคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 3% เป็นผลมา จาก 3 ปัจจัยที่เห็นชัดว่าฟื้นตัวอย่างชัดเจน ได้แก่ ปัจจัยแรก การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐในไตรมาส 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-19 ธ.ค.2557 ได้จำนวน 732,748 ล้านบาท และเมื่อถึงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้จะเบิกจ่ายได้ 800,000 ล้านบาทแน่นอน

ส่วนปัจจัยที่ 2 คือการบริโภคภาคครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้นในเดือน พ.ย.-ธ.ค.2557 เหตุมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ประชาชนมีเงินเพื่อใช้จ่ายเพิ่มขึ้น คิดเฉลี่ยเดือนละ 800-900 บาทต่อราย และปัจจัยที่ 3 มาจากการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้ขจัดอุปสรรคในการอนุมัติใบอนุญาตต่างๆ โดยหลังจากที่ปรับลดขั้นตอนและระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตโรงงาน (รง.4) จากเดิม 90 วันทำการเป็น 30 วันทำการ ได้มีการอนุญาตประกอบกิจการใหม่และขยายโรงงานทั้งสิ้นรวม 2,957 ราย ก่อให้เกิดการลงทุน 251,350 ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน 112,180 ราย

“การลงทุนภาคเอกชน การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนภาครัฐ ที่ส่งผลในไตรมาส 4 ปี 2557 จีดีพีจะขยายตัวได้ 3% ทำให้ทั้งปี 2557 จีดีพีจะขยายตัวได้ 1% และจะมีแรงส่งต่อเนื่องแรงขึ้นด้วยไปจนถึงไตรมาสแรกปี 2558 โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐด้านคมนาคมขนส่ง แค่เฉพาะถนนก็มีเงินลงทุนเป็นแสนล้านบาทแล้ว จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เกิน 4% และทั้งปี 2558 จะขยายตัวได้ 4.5% ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ไปทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทบทวนตัวเลขคาดการณ์ด้านเศรษฐกิจใหม่”

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรยังกล่าวด้วยว่า ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจในปี 2558 ที่สำคัญคือ ราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งจะมีทั้งผลบวกและผลลบ โดยผลบวกกับไทยคือจะใช้เงินซื้อน้ำมันลดลง และมีการใช้เงินบริโภคภายในประเทศสูงขึ้น ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ลดลงยังมีผลให้ราคาสินค้าบางกลุ่มในตลาดโลกปรับตัว ลดลงตามไปด้วย เช่น โลหะ ซึ่งขณะนี้ราคาเหล็กปรับลดลงแล้ว ราคาถั่วเหลืองก็ลดลง และกำลังจับตาดูว่าข้าวสาลีจะปรับลดลงเมื่อใด ซึ่งเมื่อข้าวสาลีปรับราคาลงจะทำให้ราคาข้าวปรับตัวลงตามไปด้วย ขณะที่ยางเทียมปรับราคาลงแล้วครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจที่สุดที่จะทำให้กระทบต่อราคายางพาราไม่ถึง กก.ละ 60 บาท อย่างไรก็ตาม จะดูแลให้ดีที่สุด

“ตอนนี้กำลังดูว่าประเทศไหนที่ส่งออกน้ำมัน โลหะ และสินค้าเกษตรมากก็จะแย่ ส่วนประเทศไหนที่นำเข้าสินค้าทั้ง 3 ชนิดนี้ก็จะมีผลดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งผมกับนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานกำลังช่วยกันประเมินสถานการณ์ว่าประเทศไหนจะได้รับผลกระทบจน เศรษฐกิจชะลอตัว หรือประเทศไหนจะได้รับผลดี อีก 2 เดือนจะทราบชัดเจน”

สำหรับการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในรอบ 3 เดือนนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรไปแล้วจำนวน 35,120 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายได้ครบ 40,000 ล้านบาทภายในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ ขณะที่การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวสวนยางไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่นั้น ซึ่งมีเกษตรกรชาวสวนยางจำนวน 850,000 ราย วงเงิน 8,500 ล้านบาทนั้น การดำเนินงานถึงวันที่ 23 ธ.ค.2557 จ่ายเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเกษตรกรไปแล้ว 19,000 ราย วงเงิน 190 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการในช่วงเช้าของวันที่ 25 ธ.ค.2557 ให้เร่งโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรชาวสวนยางทันที แล้วค่อยตรวจสอบเรื่องการทุจริตภายหลัง เพื่อเป็นของขวัญชาวสวนยาง คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะดำเนินการให้แล้วเสร็จครบทั้ง 850,000 ราย

ขณะเดียวกันทางจีนจะมาตั้งโรงงานผลิตภัณฑ์ยางจำนวน 10 โรงงาน โดยตกลงจะมาสร้างโรงงานผลิตล้อยางรถยนต์แล้ว 1 ราย อีก 2 รายกำลังจะตามมาในปีหน้า และอีก 7 โรงจะตามมาในปีต่อๆไป ซึ่งทั้ง 10 โรงงานจะใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบ จำนวน 1 ล้านตัน คิดเป็น 25% ที่ผลิตได้ปีละ 4 ล้านตัน คาดว่าภายใน 2 ปีครึ่ง ราคายางพาราจะมีเสถียรภาพได้

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.