
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า ทิศทางการเข้ามาลงทุนของต่างชาติในไทยในช่วง 10 เดือนที่ผ่าน (ม.ค.ถึงต.ค.57) ลดลง10%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่า แย่เพราะไทยไม่อาจรับการลงทุนได้ทั้งหมด โดยการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมในไทย จะลงทุนจะพัฒนาไปสู่การลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น โดยคาดว่าภาพรวมการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวมตลอดปีนี้คงได้น้อยกว่าปี ที่ผ่านมา โดยจะมียอดที่ 700,000 ล้านบาท ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่ลงทุนมากคือ รถยนต์?และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องจักรและชิ้นส่วน ภาพรวมการลงทุนในประเทศไทย 50-60%เป็นนักลงทุนญี่ปุ่น ต่างจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่สัดส่วนนักลงทุนญี่ปุนอยู่ที่ 30-40%ของนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนทั้งหมด ส่วนบรรยากาศการลงทุนในปีหน้า นักลงทุนต่างชาติไม่มองเพียงประเทศไทยเท่านั้น แต่มองภาพรวมทั้งอาเซียน และขณะนี้นักลงทุนญี่ปุ่นประกาศนโยบายไทยแลนด์พลัสวัน คือลงทุนในไทยและประเทศในอาเซียน ทั้งนี้มาจาก 2 เหตุผล คือศักยภาพของประเทศไทยลดลงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกประเด็นคือ เป็นไปไม่ได้ที่นักลงทุนจะลงทุนทุกอย่างในประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น
สำหรับเม็ดเงินลงทุนโลกที่ขณะนี้มียอดรวมประมาณ 122 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น การลงทุนที่เกิดขึ้นครึ่งหนึ่งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ แต่เงินดังกล่าวไม่ได้ลงทุนในสิงคโปร์ทั้งหมด นักลงทุนเพียงใช้สิงคโปร์เป็นฮับในการออกไปลงทุนประเทศอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย