สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเผยพิษเศรษฐกิจดับฝันยอดผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ แตะระดับ 1 ล้านล้านบาทปีนี้ ขณะที่กลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นเบนเข็มหันไปลงทุนอินโดนีเซียมากขึ้น หวั่นอีก 4-5 ปี อาจแซงไทยนำหน้าเป็นที่ 1
นายประสาทศิลป์ อ่อนอรรถ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย กล่าวว่า ผลพวงจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ฟื้นตัว ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและกระทบเป็นลูกโซ่มายังผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จนกระทบการผลิตชิ้นส่วนไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่สมาคมฯ เคยตั้งไว้ว่าปี 2557 กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจะมียอดผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท เพราะปีนี้ยอดสั่งซื้อจากค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ไม่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ประเมินว่าตลอดปีนี้ยอดผลิตในภาพรวมทั้งกลุ่มจะทรงตัวด้วยมูลค่าการผลิตรวมประมาณ 700,000 ล้านบาท ประกอบกับ โครงการลงทุนใหม่ ๆ ของนักลงทุนญี่ปุ่นขณะนี้หันไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซียที่ ขนาดตลาดรถยนต์ใหญ่กว่าไทยด้วยประชากรกว่า 260 ล้านคน โครงการในไทยเพียงรักษาไว้เดินหน้าผลิตต่อไปเท่านั้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของอินโดนีเซียอาจแซงหน้าประเทศไทย โดยอินโดนีเซียนำหน้าขึ้นเป็นที่ 1 แทน
ด้านการใช้กำลังการผลิตปัจจุบันยังทรงตัวระดับร้อยละ 60-70 จนต้องลดการทำงานล่วงเวลาของพนักงาน แต่ไม่ได้มีการปลดพนักงานออก ยังคงให้ทำงานต่อไปเพื่อพร้อมสำหรับการปรับตัวดีขึ้นในอนาคต ด้านผลประกอบการขณะนี้ทรงตัว แม้ไม่ขาดทุน แต่กำไรลดลง เพราะที่ผ่านมาแม้คำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน แต่หลังจากนี้ไม่มั่นใจว่าคำสั่งซื้อชิ้นส่วนจะเป็นอย่างไร ขณะนี้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ปรับตัวตามสถานการณ์ และยังประคองธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ในระดับที่น่าพอใจ และปีนี้ไม่มีผู้ประกอบการปิดกิจการ แต่การเพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องที่ยาก
ส่วนปี 2558 หวังว่าการเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในส่วนโครงการลงทุนที่ค้างมานาน เชื่อว่าเมื่อรัฐบาลมีการใช้จ่ายงบประมาณจะช่วยให้ยอดขายรถยนต์ดีขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ฟื้นตัวดีขึ้นได้ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีประมาณ 3,000 ราย ขณะที่รายใหญ่ซึ่งเป็นสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีสมาชิกประมาณ 600 ราย เป็นรายใหญ่ประมาณร้อยละ 10 ผู้ประกอบการขนาดกลางร้อยละ 20 ขณะที่อีกร้อยละ 70 เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก
ที่มา สำนักข่าวไทย