ประเมินญี่ปุ่นหลังขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เผยสถานการณ์ส่อแววดี พบการสั่งซื้อเครื่องจักรยนต์เพิ่มในช่วงครึ่งปีแรกพุ่งกว่า 35% ขณะที่ผลสำรวจยุ่นรากหญ้าคาดหวังท่องเที่ยวเงินสะพัด
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ โอซากา ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าของญี่ปุ่นโดยรัฐบาลญี่ปุ่นสรุปรายงาน เศรษฐกิจประจำเดือน ก.ค.ว่า การบริโภคส่วนบุคคลฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงหลังการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อ 1 เม.ย.57 ส่งผลให้ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจมีการปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะฟื้นตัวในช่วงฤดูร้อน(มิ.ย.-ส.ค.)
“แม้ว่าการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกจะยังไม่ฟื้นตัว แต่มีสัญญาณของการสั่งซื้อเครื่องจักรยนต์เพื่อการผลิตชิ้นส่วนโลหะของ ม.ค.-มิ.ย. 2014 เพิ่มขึ้น 35.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่า ประมาณ 2.19 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการสั่งซื้อจากต่างประเทศมีมูลค่าราว 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.7% ซึ่งนับเป็นมูลค่าราย 6 เดือนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อผลิตสินค้าเข้าตลาดอเมริกาเหนือ ยุโรป ที่ฟื้นตัวขึ้นแล้ว อีกส่วนเป็นเครื่องจักรยนต์ที่เกี่ยวกับการผลิตสมาร์ทโฟนสำหรับตลาดเอเชียก็ เพิ่มขึ้นด้วย โดยมีมูลค่าการสั่งซื้อจากเอเชีย 7.56 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การสั่งซื้อจากภายในประเทศญี่ปุ่นมีมูลค่าประมาณ 6.91 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.1%”นางนันทวัลย์ กล่าว
ทั้งนี้เครื่องจักรยนต์ที่เป็นเป้าหมายในการจัดทำสถิติมูลค่าการสั่งซื้อ เครื่องจักรยนต์เพื่อการผลิตชิ้นส่วนโลหะ คือ เครื่องจักรยนต์ทั่วไป เครื่องจักรยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ เครื่องจักรยนต์ สำหรับการต่อเรือ การบินและการขนส่ง เครื่องจักรยนต์ที่มีความเที่ยงสูง(Precision Machinery)
“นครโอซากาได้เปิดโซนใหม่แฮร์รี่ พอร์ตเตอร์ ของบริษัท ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ญี่ปุ่น (Universal Studio Japan : USJ) ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีผู้เดินทางมาเที่ยวปีละ 10 ล้านคนในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นอีกปีละ 2 ล้านคน ทั้งยังจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของภูมิภาคคันไซด้วย โดยได้เริ่มเห็นผลจากยอดที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าจากเขตโตเกียวและปริมณฑล ที่ได้จองทัวร์และโรงแรม ซึ่งคำนวณผลทางเศรษฐกิจที่จะได้จากการเปิดโซนแฮร์รี่ พอร์ตเตอร์นี้ คาดว่าจะมีผลขยายไปทั่วภูมิภาคคันไซคิดเป็นมูลค่า 5.6 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.75 ล้านล้านบาท ในช่วง 10 ปีจากนี้ไปและเสน่ห์ของคันไซได้ยกระดับขึ้นโดยสถานที่ท่องเที่ยวจำทำให้มี นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นและจะใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจาก 3.38 แสนล้านเยน หรือ ประมาณ 1.06 แสนล้านบาท หรือ เพิ่มเป็น 3 เท่าประมาณ 3.06 แสนล้านบาท ในปี 2573
สำหรับสถิติการค้าระหว่างไทย – เขตคันไซ จูบุ และชิโกกุ ของญี่ปุ่น ณ มิ.ย. 57 ไทยส่งออกสินค้ามีมูลค่ารวม 671 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.4% โดยเขตนี้มีสัดส่วนคิดเป็น 38% ของมูลค่ารวมที่ญี่ปุ่นนำเข้าจากไทย สินค้าเพิ่มขึ้นที่สำคัญ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน 27.8% วัตถุดิบ 26.9% เคมีภัณฑ์ 16% เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 11.2% เครื่องจักรกล 11.2% และอุปกรณ์และชิ้นส่วน 5.5% สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลง ได้แก่อาหาร -26.5% และสินแร่เชื้อเพลิง -17.6%
ขณะที่ไทยนำเข้าจากเขตคันไซ จูบุ และชิโกกุ ในมิ.ย.57 มูลค่ารวม 1,236 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 18.3% คิดเป็นสัดส่วน 46.7% ของมูลค่ารวมที่ไทยนำเข้าจากเขตนี้ สินค้าเพิ่มขึ้นที่สำคัญ ได้แก่ สินแร่เชื้อเพลิง 116.6% และ สินค้าที่นำเข้าลดลง ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน -42.2% อำหาร -22.2% เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ -21.5% เครื่องจักรกล -19.1% เคมีภัณฑ์ -16.8% วัตถุดิบ -5.5% และอุปกรณ์และชิ้นส่วน -4.3%
นายสุภัฒ สงวนดีกุล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโอซากา กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นผู้ประกอบการทั่วไปในระดับรากหญ้า อาทิ คนขับแท็กซี่ เจ้าของร้านขายปลีกฯ ในเดือนมิ.ย.57 พบว่า เศรษฐกิจภายในประเทศญี่ปุ่นปรับดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นับจากการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร แม้ว่าใน 2-3 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้มของความกังวลในเรื่องราคาวัตถุดิบ ค่าเชื้อเพลิง ค่าขนส่งจะขึ้นราคา แต่จากการลงทุนด้านการท่องเที่ยว มีคาดหวังรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ