บีโอไอ เตรียมเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับแบงก์เพื่อการพัฒนาของจีนในโอกาสนายกฯ จีน เยือนไทยอย่างเป็นทางการสร้างความเข้มแข็งการส่งเสริมการลงทุน และกระตุ้นการลงทุนทางตรงของ 2 ประเทศ...เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 56 นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ ทางบีโอไอจะทำพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CDB) ซึ่งเป็นธนาคารที่รับนโยบายด้านการเงินจากรัฐบาลกลาง โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายหลี่ เค่อ เฉียงนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นสักขีพยานในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11-12 ต.ค.นี้ทั้งนี้ การจัดทำเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือระหว่างบีโอไอ และธนาคาร CDB จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายในด้านต่างๆ อาทิการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจระหว่างสองประเทศเพื่อกระตุ้นการลงทุนทางตรงระหว่างกันช่วยเหลือและประสานงานการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งช่วยเหลือนักลงทุนในการสำรวจลู่ทางและโอกาสด้านการลงทุน เป็นต้น "บีโอไอมีความร่วมมือกับธนาคาร CDB ของจีนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 ในครั้งนี้จึงตกลงที่จะลงนามบันทึกความเข้าใจในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีของจีนมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการและเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศัยภาพความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันของ 2 ประเทศให้มีความใกล้ชิดยิ่งขึ้นนอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศไทยแล้วยังช่วยอำนวยความสะดวกและผลักดันให้นักลงทุนไทยที่มีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนเข้าไปในประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย"นอกจากนี้ จีนยังเป็นประเทศในกลุ่มเป้าหมายของบีโอไอในการมุ่งส่งเสริมการลงทุน ทั้งรูปแบบของการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการจากจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพขยายการลงทุนเข้าไปในประเทศจีนเพื่อขยายโอกาสตลาดในอนาคต โดยในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา (2550–2555) มีโครงการจากจีนที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไทย 188 โครงการมูลค่าเงินลงทุน 117,700 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) จีนเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศไทยมีโครงการยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 28 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยธุรกิจหลักที่จีนมาลงทุนในไทย ได้แก่การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วน การผลิตผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ เช่นยางล้อรถยนต์ การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เป็นต้นสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องการให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ได้แก่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงจากยางธรรมชาติ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เช่นเครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องจักรอุตสาหกรรม ยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนเป็นต้นโดยผู้ประกอบการจีนรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในไทยขณะนี้ อาทิ บริษัท ไฮเออร์อีเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ลงทุนผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทซีไอเอ็มซี วีฮีเคิล (ประเทศไทย) จำกัด ลงทุนผลิตชิ้นส่วนต่อพ่วงรถบรรทุกบริษัท แอลแอลไอที (ไทยแลนด์) จำกัด ลงทุนผลิตยางรถยนต์ขณะที่การลงทุนของไทยในจีน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ชิ้นส่วนยานยนต์ โรงงานไฟฟ้า กระดาษและภาคธุรกิจบริการ เป็นต้น