ข้อมูลจากสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า คำสั่งซื้อเครื่องจักรหลักในเดือนสิงหาคม ยกเว้นเครื่องจักรสำหรับ เรือและโรงไฟฟ้า เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบสามเดือนที่ 5.4% ต่อเดือน สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2% หลังจากลดลงเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม มูลค่าการสั่งซื้อสูงถึง 8.19 แสนล้านเยน มากที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 ที่วาณิชธนกิจ "เลห์แมน บราเธอร์ส" ของสหรัฐล้มเป็นเหตุให้เศรษฐกิจโลกถดถอย
ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ให้กำลังใจแก่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผู้หวังว่าบรรยากาศเชิงบวกโดยนโยบายอัดฉีดเงินภายในประเทศของเขาภายใต้ชื่อ "อาเบะโนมิกส์"จะนำไปสู่วงจรการใช้จ่ายเงินทุนมากขึ้น ค่าจ้างและการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มสูง
รัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจมองว่า การฟื้นตัวในการใช้จ่ายฝ่ายทุน เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และทำลายภาวะเงินฝืดยาวนานถึง 15 ปี เปิดทางให้นโยบายของนายอาเบะประสบผลสำเร็จสูงสุด
จนถึงขณะนี้การเติบโตของญี่ปุ่นในปีนี้ชี้ให้เห็นว่า การฟื้นตัวของประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลกกำลังเป็นปึกแผ่น แม้ยังไม่อาจสรุปได้ว่าการใช้จ่ายฝ่ายทุนจะมีส่วนต่อการที่เศรษฐกิจจะพลิกฟื้นกลับมาดีขึ้นอย่างแน่นอนหรือไม่
ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีไตรมาสสอง แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายฝ่ายทุนเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบหกไตรมาสที่ 1.3%
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยโนรินชูคินในกรุงโตเกียว "นายทาเคชิ มินามิ" กล่าวว่า ข้อมูลเครื่องจักรยืนยันถึงการฟื้นตัวในการใช้จ่ายฝ่ายทุนนำโดยนอกภาคอุตสาหกรรม สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของอาเบะโนมิกส์
ในเดือนเมษายน-มิถุนายน เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยาย ตัวสามไตรมาสติดต่อกัน นำหน้าประเทศในกลุ่มจี 7 อื่น ๆ ด้วยอัตราการเติบโต 3.8% ต่อปี หลังนโยบายเชิงรุกของรัฐบาลหนุนการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการอ่อนค่าเงินเยนทำให้ภาคส่งออกได้ประโยชน์
นักวิเคราะห์คาดว่า เร็ว ๆ นี้บริษัทต่าง ๆ จะใช้จ่ายในด้านโรงงานและเครื่องจักรมาก ขึ้น หลังผลสำรวจรายไตรมาสของบีโอเจระบุว่า ในไตรมาส 3 ความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมรายใหญ่ในประเทศ สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี ส่วนสัญญาณบวกด้านอื่นต่อเศรษฐกิจคือ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่นในเดือนกันยายนสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 4เดือน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในรายได้และงานที่ปรับตัวดีขึ้น
สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยังเพิ่มคาดการคำสั่งซื้อเครื่องจักรว่า จะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง โดยคำสั่งซื้อเครื่องจักรจากภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.8% ขณะที่คำสั่งซื้อจากภาคบริการเพิ่มขึ้น 6.2% เน้นย้ำถึงการบริโภคของภาคเอกชนภายในประเทศ