ประธานธนาคารกลางยุโรปยืนยันจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน แม้ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ทั้งอัตราการว่างงานและดัชนีภาคการผลิตจะมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น
นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายของธนาคารว่า นอกจากข้อมูลจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมาก อัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ หรืออาจจะลดต่ำลงกว่านี้ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด อีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% เช่นเดิม และไม่มีการประกาศมาตรการใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับ 17 ประเทศสมาชิกยูโรโซน
นายดรากีกล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ที่ดีขึ้นในตลาดการเงินตั้งแต่ปีก่อนดูเหมือนจะเริ่มแผ่ขยายเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจ แม้ว่าการกู้ยืมของภาคเอกชนจะยังคงอ่อนแอก็ตาม อย่างไรก็ดี สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดที่ดูเหมือนจะสะท้อนว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนเริ่มฟื้นตัวจากภาวะถดถอยที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นายดรากีกล่าวเตือนว่า เป็นการยืนยันมุมมองของอีซีบีว่าเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ แต่เป็นที่คาดหมายว่าการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ
นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซนในไตรมาส 2 น่าจะอยู่ในระดับคงที่หรืออาจจะสามารถเติบโตได้เล็กน้อย ยุติการหดตัวอย่างต่อเนื่องมา 6 ไตรมาสติดต่อกัน เช่นเดียวกับไตรมาส 3 และ 4 ที่นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าจะขยายตัวได้เพียงเล็กน้อย จากผลของอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค และมาตรการรัดเข็มขัดที่หลายประเทศดำเนินการอยู่จะฉุดให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
สำนักงานสถิติยุโรป หรือยูโรสแตต เปิดเผยตัวเลขอัตราการว่างงานล่าสุดของกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในเดือนมิถุนายนอัตราการว่างงานของ 27 ประเทศสมาชิกเดิม (ก่อนการเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 28 ของโครเอเชียเมื่อเดือนกรกฎาคม) อยู่ที่ 10.9% ลดลงจาก 11% ในเดือนพฤษภาคม นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 ที่อัตราการว่างงานลดลง
ขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานของ 17 ประเทศสมาชิกยูโรโซนลดลงเล็กน้อย จาก 19.29 ล้านคนในเดือนพฤษภาคม เหลือ 19.27 ล้านคนในเดือนมิถุนายน เป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 อย่างไรก็ตาม จำนวนคนว่างงานที่ลดลงไม่สามารถลดอัตราการว่างงานที่ยังคงที่อยู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.1% เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
อัตราการว่างงานลดลงในโปรตุเกส สเปน และไอร์แลนด์ ซึ่งเป็น 3 ประเทศที่รับเงินช่วยเหลือนับตั้งแต่วิกฤติหนี้ปะทุขึ้น ขณะที่ในไซปรัส และกรีซ รวมถึงเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส อัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากอัตราว่างงานที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะถึงจุดสูงสุดแล้ว ดัชนีเศรษฐกิจอื่นๆ ของยูโรโซนก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจและผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนมาอยู่ที่ 92.5% ขณะเดียวกันดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ประจำเดือนกรกฎาคมมีการขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี โดยเพิ่มขึ้นจาก 48.8 ในเดือนมิถุนายนเป็น 50.3 ทั้งนี้ดัชนีที่เกิน 50 บ่งบอกถึงกิจกรรมที่ขยายตัว ขณะที่ตัวเลขต่ำกว่า 50 บ่งบอกถึงการหดตัว
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์มีมุมมองที่สอดคล้องกับอีซีบีว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนจะเป็นไปอย่างช้าๆ ในระยะใกล้ โดยรัฐบาลจะยังคงเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดที่ขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจยังมีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อนำมาลงทุนเนื่องจากระบบธนาคารที่อ่อนแอ
นายดรากีกล่าวว่า โดยรวมแล้วสถานการณ์ดูดีขึ้นจากทุกมุมมองเมื่อเทียบกับเมื่อปีก่อน พร้อมกับให้เครดิตความพยายามของรัฐบาลแต่ละประเทศที่ลดการขาดดุลงบประมาณและปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศ