ส.อ.ท.เผยผลประชุมช่วยเอสเอ็มอีลดผลกระทบค่าแรง 300 บาท และค่าบาทแข็ง ภาครัฐเตรียมควักเงิน 4,400 ล้านบาทตั้ง 2 กองทุนช่วยเอสเอ็มอีปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และลดต้นทุน เน้นช่วยรับภาระส่วนเกินดอกเบี้ยจากอัตรา 5% ขณะเดียวกันเห็นชอบเว้นค่าธรรมเนียมต่ออายุโรงงานไปอีก 3 ปี
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการประชุมช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ และค่าเงินบาทแข็ง เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) ระหว่างภาครัฐกับเอกชน ได้มีมติเห็นชอบหลักการในการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนเครื่องจักร (Venture Capital) วงเงิน 1,000 ล้านบาท และกองทุนเครื่องจักร (Machine Fund) มูลค่า 3,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ดังกล่าวเพื่อให้เอสเอ็มอีปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุน โดยกองทุนร่วมลงทุนเครื่องจักรจะตั้งไว้ที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยให้เอสเอ็มอีเข้าเงื่อนไขเสนอขอเงินร่วมทุนได้ในสัดส่วน 15-35% ของทุนจดทะเบียน เพื่อนำเงินที่ได้ไปจัดซื้อหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ โดยมีระยะเวลาร่วมทุนไม่เกิน 5 ปี
ขณะที่กองทุนเครื่องจักรเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นใหม่ มีหน้าที่ชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เอสเอ็มอีที่ไปขอใช้ บริการสถาบันการเงินในการซื้อหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักร โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 5% ส่วนเกินของอัตราดอกเบี้ยทางภาครัฐจะช่วยออกให้ มีระยะ 5 ปี อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของเอสเอ็มอีที่จะได้รับสิทธิดังกล่าว รวมถึงเงื่อนไขการร่วมทุนต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาให้ความ ช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นประธานเพื่อพิจารณาเห็นชอบ ก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป
นอกจากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบอนุมัติหลักการให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต ประกอบกิจการโรงงานที่จะสิ้นสุดเดือน ก.ย. 2556 ออกไปอีก 3 ปี หรือตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2556-30 ก.ย. 2559