สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ส่งออกเตรียมรับมือGSPสหรัฐหมดอายุ
03/09/2013
ข่าวเศรษฐกิจ

ผู้ส่งออกลุ้นไทยได้ต่อจีเอสพีสหรัฐฯ หลังหมดอายุต้องเสียภาษีอัตราปกติตั้งแต่ 1 ส.ค. หวั่นผู้นำเข้าแบกภาระไม่ไหว ถอดใจชะลอธุรกิจ ร้องเพลงรอรัฐสภาสหรัฐฯชี้ขาด

ผวามีสมาชิกเสนอตัดจีเอสพีประเทศที่มีการทำเอฟทีเอกับประเทศพัฒนาแล้วซึ่งไทยอยู่ในข่าย จี้รัฐบาลล็อบบี้โอบามาช่วยเหลือ พร้อมเร่งเข้าเป็นสมาชิกทีพีพีชดเชยถูกตัดในระยะยาว     นายบัณฑูร  วงศ์สีลโชติ ประธานคณะกรรมการความยั่งยืนทางธุรกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"โดยได้แสดงความกังวลต่อกรณีที่โครงการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี) ของสหรัฐอเมริกาแก่ประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา 131  ประเทศ ซึ่งมีไทยอยู่ในกลุ่มด้วย จากโครงการต่ออายุครั้งที่ 8 (1 ม.ค.54 -31 ก.ค.56) ได้หมดอายุลงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าที่อยู่ในบัญชีได้รับสิทธิจีเอสพีจากทุกประเทศไปยังสหรัฐฯ ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ (MFN) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 เป็นต้นไป จนกว่ารัฐสภาสหรัฐฯซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาจะอนุมัติให้ต่ออายุโครงการ   

 ทั้งนี้ในหลักการเมื่อจีเอสพีหมดอายุ ผู้นำเข้าต้องเสียภาษีในอัตราปกติไปก่อน เมื่อมีการอนุมัติต่ออายุโครงการใหม่เมื่อใดแล้ว ผู้นำเข้าสามารถขอคืนภาษีย้อนหลังได้ อย่างไรก็ดีการที่จีเอสพีหมดอายุได้ก่อให้เกิดความกังวลใจของผู้นำเข้าสหรัฐฯว่าไทยจะไม่ได้ต่ออายุจีเอสพี เพราะล่าสุดมีสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งของสหรัฐฯได้ยื่นข้อเสนอไม่ให้สิทธิจีเอสพีกับประเทศที่มีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะจะมีผลทำให้มีการต่างตอบแทนในเรื่องต่างๆ ของประเทศนั้นๆ กับสหรัฐอเมริกาลดน้อยลง ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ทำเอฟทีเอกับประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ดังนั้นหากที่ประชุมเห็นชอบตามที่เสนอโอกาสที่ไทยจะถูกตัดสิทธิจีเอสพีก็มี ซึ่งผู้นำเข้าก็จะไม่ได้ภาษีคืน ดังนั้นในช่วงนี้อาจมีผลทำให้ลดการนำเข้าซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ   

 "วันก่อนในโอกาสที่คุณนีน่า  เชนไน ที่ปรึกษาด้านการค้าของสหรัฐฯได้เข้าพบผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ไทยได้มีการสอบถามว่าไทยจะได้ต่อสิทธิจีเอสพีหรือไม่ เขาบอกว่าเดายาก ถ้าข้อเสนอตกไปก็ได้ต่อ แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะไม่ได้ต่อ เพราะในปีที่ผ่านมาเราส่งออกไปสหรัฐฯมูลค่ากว่า  2.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้สินค้าพันกว่ารายการของเราได้ใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกกว่า 7-8 พันล้านดอลลาร์"     นายบัณฑูร กล่าวอีกว่า เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องนี้ รัฐบาลไทยควรล็อบบี้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เพื่อหาทางช่วย และในช่วงจากนี้ไปไทยควรเร่งหาทางเข้าเป็นสมาชิกของความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(ทีพีพี) หรือเอฟทีเอขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันมีสมาชิก 12 ประเทศ ที่มีสหรัฐฯเป็นแกนนำ (อีก 11 ประเทศได้แก่ ชิลี เปรู ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม แคนาดา เม็กซิโก และญี่ปุ่น)     

ด้านนายหลักชัย  กิตติพล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าในสินค้าผลิตภัณฑ์ยางพาราที่จะได้รับผลกระทบ เช่นถุงมือยางที่ก่อนหน้านี้ได้สิทธิจีเอสพีสหรัฐฯไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่จากจีเอสพีที่หมดอายุต้องเสียภาษีนำเข้า 2-3% ดังนั้นจึงเห็นพ้องที่ไทยต้องเร่งเข้าเป็นสมาชิกของทีพีพี เพื่อได้สิทธิไม่เสียภาษีทดแทนจีเอสพี     ขณะที่นายศุภชัย  สุทธิพงษ์ชัย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หนึ่งในกลุ่มสินค้าที่ใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกไปสหรัฐฯ กล่าวว่า ผลจากจีเอสพีสหรัฐฯหมดอายุยังไม่ได้รับเสียงสะท้อนจากสมาชิกถึงผลกระทบซึ่งจะได้ติดตามข้อเท็จจริงต่อไป     อนึ่ง กรมการค้าต่างประเทศรายงานช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 ไทยขอใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถลดหย่อนภาษีนำเข้าได้กว่า 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าที่ใช้สิทธิสูงได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง เครื่องดื่ม ชุดสายไฟสำหรับรถยนต์ ผลไม้ปรุงแต่ง เลนส์แว่นตา และพัดลม เป็นต้น

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.