โควิด-19
ทำแรงงานกลับสู่ภาคเกษตรมากขึ้น สยามคูโบต้า
มองแนวโน้มธุรกิจเครื่องจักรกลเกษตรยังไปได้ต่อ เตรียมดันเครื่องจักรใหม่ๆ รับ Smart
Farmer มุ่งสู่เกษตรอัจฉริยะ
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 64 นายทาคาโนบุ
อะซึมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา
ส่งผลให้แรงงานกลับภาคเกษตรมากขึ้นกว่า 1.6 ล้านคน
ทำให้ความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น
จากเหตุดังกล่าวทำให้การส่งออกสินค้าทางการเกษตรได้รับผลกระทบ
เนื่องจากความต้องการของต่างประเทศที่ลดลง
รวมถึงปัญหาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์
ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวและมันสำปะหลัง
ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเริ่มกลับมาอยู่ในเกณฑ์ดี
การส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ
มองว่าภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในปี 64
ช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดการณ์ GDP ภาคเกษตรของไทยเติบโต 2-3% และ GDP ภาคเกษตรของกัมพูชาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักอยู่ที่
6%
ดังนั้น บริษัทฯ
จึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่างๆ หวังให้เกษตรกรใช้เครื่องจักรกลการเกษตร
และโซลูชันมาบริหารจัดการในการทำการเกษตรได้
ลดความเสี่ยงจากความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ตลอดจนสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต
นำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนการจัดส่งสินค้าให้ทันกับความต้องการ
การผลิตของ supplier อาจได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาด
แต่สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจากการใช้มาตรการ Bubble & Seal และเร่งจัดหาวัคซีนให้พนักงาน
พร้อมแผนเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น
เพื่อให้พร้อมส่งมอบสินค้าให้ทันกับความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ บริษัทฯ
ยังได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ อาทิ รถดำนาเดินตาม 4 แถว โดรนเพื่อการเกษตร
โรงเรือนอัจฉริยะ (Greenhouse) และรถปลูกผัก
(Vegetable Planter) พัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่างๆ
โดยบริษัทคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น
ประเทศญี่ปุ่น
วางแนวทางดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าเพื่อสานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ
และสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกมีความมั่นคงทางอาหารในการบริโภคจากผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ
ได้มาตรฐานและปลอดภัย สอดรับเทรนด์โลกในปี 2030
และมีกลยุทธ์มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ชั้นนำระดับโลก GMB หรือ Global Major Brand พร้อมเป็น The Most
Trusted Brand ของเกษตรกรทั่วโลก
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์
กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า
ตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในภาพรวมของบริษัทตั้งแต่ปี 61-63 พบว่า
เครื่องจักรกลการเกษตรที่เป็นยอดขายหลักของบริษัท อย่างแทรกเตอร์และรถเกี่ยวนวดข้าวมียอดขายเพิ่มขึ้น
โดยลูกค้าเก่าของบริษัทฯ
มีการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 30%
เนื่องจากการขยายพื้นที่การเพาะปลูก
อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรโดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น
โดยลูกค้าปัจจุบันบางส่วนหันมาใช้โซเชียลมีเดียและดิจิทัลแพลตฟอร์มด้านการเกษตร
เป็น Smart
Farmer เพิ่มขึ้น
สำหรับภาคการเกษตรในปี 64 บริษัทฯ
คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัว
โดยมาจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตรมากขึ้น
จะมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก
และไม่ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์พายุฤดูฝนที่เกิดขึ้นในขณะนี้
จึงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด
รวมถึงความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19
ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสินค้าเกษตรและปริมาณผลผลิตภายในประเทศ
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง 64
เติบโตมากขึ้น แรงงานกลับสู่ภาคเกษตร ด้านการส่งออก ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ทำให้ตลาดมีความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น
รวมถึงความต้องการของพืชมูลค่าสูงใหม่ๆ เช่น สมุนไพรและผลไม้
สินค้าเกษตรปลอดภัยเกษตรอินทรีย์
อีกทั้งด้านนวัตกรรมการเกษตร
มีแนวโน้มการใช้เทคโนโลยี IOT และนวัตกรรมมาใช้ในภาคการเกษตร
แบบ Smart Farming เพื่อยกระดับการพัฒนาเกษตรกรรมใน 4 ด้าน
ได้แก่ 1.ลดต้นทุนในกระบวนการผลิต 2.เพิ่มผลผลิต คุณภาพสินค้า
และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร
3.ลดความเสี่ยงในภาคเกษตรที่เกิดจากการระบาดของศัตรูพืชและจากภัยธรรมชาติ และ
4.จัดการส่งผ่านความรู้โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแนวคิด KUBOTA
(Agri) Solutions หรือ KAS เกษตรครบวงจร
สู่การพัฒนาเป็น Innovative Farming Experience Center ที่สร้างประสบการณ์การเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าในภูมิภาคอาเซียน
รวมถึงสนับสนุนการใช้ Smart Farming Platform เพิ่มการเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร
ผ่านการเช่าหรือแชร์การใช้งานเครื่องจักรฯ เกิดการจ้างงาน
สร้างรายได้ครัวเรือนมากขึ้น.