นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา (ACAFTA TNC) รอบที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน 2568 ณ กรุงเทพฯ เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาความตกลง ACAFTA ในประเด็นต่างๆ โดยจะรายงานความคืบหน้าการเจรจาฯ ต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา ในเดือนกันยายนนี้ โดยเห็นพ้องร่วมกันในการปรับเป้าหมายแผนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 ทั้งนี้ FTA อาเซียน-แคนาดา จะเป็น FTA แรกของไทยและอาเซียนกับประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขยายมูลค่าการค้าทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาคที่ปัจจุบันมีมูลค่าถึงปีละกว่า 23,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นางสาวโชติมา กล่าวว่า ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินความคืบหน้าการเจรจาของคณะทำงานภายใต้ ACAFTA ทั้ง 19 กลุ่ม โดยสามารถสรุปผลการเจรจาข้อบทได้แล้ว 6 บท ได้แก่ การเคลื่อนย้ายชั่วคราวของบุคคลธรรมดา การกำกับการบริหารจัดการ FTA วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การแข่งขัน พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า และแนวปฏิบัติที่ดีในการออกกฎหมาย รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อเสนอเปิดตลาดการค้าสินค้าระหว่างกันแล้ว อย่างไรก็ตาม คณะทำงานการเจรจาหลายกลุ่มยังมีความคืบหน้าล่าช้ากว่าเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของการเจรจา FTA จึงจำเป็นต้องหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติที่สามารถยอมรับและเกิดผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องร่วมกันที่จะเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา ที่จะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนกันยายน 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับเป้าหมายและแผนงานเพื่อขยายระยะเวลาการสรุปผลการเจรจา ACAFTA จากเดิมปี 2568 เป็นภายในปี 2569
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ให้แนวทางขับเคลื่อนการเจรจากับคณะทำงานกลุ่มต่างๆ อาทิ เร่งสรุปผลการเจรจาเปิดตลาดการค้าสินค้า บริการ และการลงทุน ผลักดันให้สามารถสรุปผลข้อบทให้ได้มากที่สุด หยิบยกประเด็นที่ติดขัดให้คณะกรรมการ TNC ให้แนวทางแก้ไข พร้อมทั้งผลักดันให้มีการประชุมทั้งในรูปแบบออนไลน์ และการประชุมทางกายภาพให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาได้ทันตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
“ไทยพร้อมสนับสนุน FTA อาเซียน-แคนาดาให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว ซึ่งจะเป็น FTA แรกของไทยกับประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคธุรกิจ รวมถึงขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนที่เชื่อมโยงทั้งสองภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์การค้าโลกและปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทำให้แต่ละประเทศหันมามองหาพันธมิตรตลาดใหม่ๆ และเร่งขยาย FTA ในกรอบต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาระดับการส่งออก ขณะเดียวกัน แคนาดาก็ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ดังนั้น การสรุปผลการเจรจา ACAFTA โดยเร็ว จะช่วยขยายโอกาสทางเศรษฐกิจร่วมกันของทั้งสองภูมิภาค โดยเฉพาะในด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน” นางสาวโชติมา เสริม
ทั้งนี้ ในปี 2567 การค้าของไทยและแคนาดา มีมูลค่า 3,223.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 9.88 โดยไทยส่งออกไปแคนาดา มูลค่า 2,133.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 12.07 และไทยนำเข้าจากแคนาดา มูลค่า 1,090.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 5.83 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว ผลิตภัณฑ์ยาง และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเยื่อกระดาษและเศษกระดาษ สำหรับในช่วง 7 เดือน (ม.ค. –ก.ค. 2568) การค้าของไทยและแคนาดา มีมูลค่า 2,186.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปแคนาดา มูลค่า 1,461.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากแคนาดา มูลค่า 725.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ