เมื่อไม่นานมานี้ Davos World
Economic Forum (WEF) ได้ประกาศรายชื่อโรงงานกลุ่มล่าสุดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นโรงงานระดับ
"Lighthouse" ในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก
โดยโรงงานผลิตเครื่องเจาะของ SANY ในกรุงปักกิ่งก็เป็นหนึ่งในโรงงานกลุ่มนี้
ในฐานะโรงงานระดับ Lighthouse ที่ได้รับการรับรองแห่งแรกในแวดวงการผลิตเครื่องจักรกลหนัก
โรงงานระดับ "Lighthouse"
เหล่านี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่ง Davos
World Economic Forum (WEF) และ McKinsey Consulting ได้จัดทำรายชื่อดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561
โดยได้ร่วมกันเลือกโรงงาน 90
แห่งทั่วโลกที่มีบทบาทเป็นแสงส่องทางสู่อนาคต
สะท้อนให้เห็นตัวอย่างนวัตกรรมการผลิตแบบดิจิทัลในระดับสูงสุด รวมถึงโลกาภิวัฒน์ 4.0 ด้วย
WEF เปิดเผยว่า โรงงานของ SANY
ที่กรุงปักกิ่งมีความโดดเด่นอย่างมาก
เพราะนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบอัตโนมัติขั้นสูง
ระบบประสานการทำงานของคนกับเครื่องจักร ไปจนถึงเทคโนโลยี AI และ
IoT ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 185% ขณะที่ลดเวลานำในการผลิตลงได้ถึง 77% (จาก 30
วัน เหลือ 7 วัน)
SANY ได้เดินหน้าตามแผนพลิกโฉมสู่ดิจิทัล
ส่งผลให้ต้องเปิดบริษัทสาขาขึ้นมาใหม่ในชื่อ SANY Robot Technology Co.,
Ltd. ซึ่งช่วยขับเคลื่อนกลุ่มบริษัท SANY Group สู่การบรรลุพันธกิจในการก้าวขึ้นเป็นผู้บุกเบิกการผลิตอัจฉริยะ
ย้อนกลับไปยังปี 2562
เมื่อโรงงานผลิตเครื่องเจาะแห่งนี้กำลังได้รับการอัปเกรดเพื่อก้าวขึ้นเป็นโรงงานระดับ
Lighthouse
แห่งแรกของอุตสาหกรรมนี้ในระดับสากล
ในช่วงเวลานั้นยังไม่มีโรงงานใดบุกเบิกในเรื่องนี้มาก่อน ทำให้ SANY ไม่มีตัวอย่างในการปฏิบัติตาม
ทั้งยังไม่มีเทคโนโลยีหรือซัพพลายเออร์ให้พึ่งพาด้วย บริษัท SANY Robot
Technology จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อสานต่อแผนพลิกโฉมสู่ดิจิทัลของ SANY
โดยได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างล้ำลึกในการวางแนวคิด ตรวจสอบเทคโนโลยี
และก่อสร้าง ทำให้ SANY Robot Technology เติบโตขึ้นควบคู่ไปกับการถือกำเนิดของโรงงานผลิตเครื่องเจาะระดับ
Lighthouse
ธุรกิจ Robot
Technology ของ SANY ได้ก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นโกดังสามมิติสำหรับการเก็บเหล็กกล้าแผ่น รถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ (Automated
Guided Vehicle หรือ AGV) ระบบ 5G ที่รองรับการขนถ่ายวัสดุที่มีน้ำหนักมากและมีความยาวมาก (27 ม.)
ไปจนถึงการประกอบและเชื่อมวัสดุในพื้นที่แคบแบบอัตโนมัติ
และระบบหุ่นยนต์หลายตัวพร้อมเซ็นเซอร์เลเซอร์ที่คอยทำหน้าที่คุมหุ่นยนต์ให้เชื่อมร่องขนาดใหญ่พร้อมกัน
การปฏิบัติงานในโรงงานแห่งนี้มีความอัจฉริยะตลอดทั้งวงจรการผลิต
ไม่ว่าจะเป็นในส่วนงานโลจิสติกส์ การจัดการโกดัง การเตรียมวัสดุ การเชื่อม แปรรูป
ประกอบ และลงสี
สำหรับสิ่งที่อัปเดตล่าสุดนั้นได้แก่ระบบ
Intelligent
Storage System ซึ่งนำเทคโนโลยี AR และการรู้จำคำพูดมาใช้
โดยผู้ปฏิบัติงานจะได้รับมอบหมายงานหยิบและแจกจ่ายผ่านแว่น AR เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยออกคำสั่งเสียงได้
ไม่ต้องใช้มือ