นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือ กับนายแดน เทฮัน รัฐมนตรีการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน ของออสเตรเลีย ผ่านระบบประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-ออสเตรเลีย และแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นทางการค้าสำคัญ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้า และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ออสเตรเลียได้หารือกับไทยใน 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ประเด็นที่ 1 ออสเตรเลียสนใจจะจัดทำหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจกับประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยมีความตกลงการค้าเสรีกับออสเตรเลีย คือ FTA ไทย-ออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าเรื่องการลดภาษีระหว่างกันเกือบทุกรายการแล้ว โดยการจัดทำยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ (Strategic Economic Partnership) ระหว่างไทยและออสเตรเลีย ซึ่งจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความสำคัญทางการค้าและการลงทุนที่ลงลึกไปกว่า FTA ด้านไทยได้แจ้งว่าไทยสนับสนุน และขณะนี้ไทยได้มีการเตรียมการจัดทำข้อตกลงนี้ ใน 7 สาขา ได้แก่ 1) เกษตรแปรรูป โดยเฉพาะด้านอาหาร 2) การท่องเที่ยว 3) บริการสุขภาพ 4) การศึกษา 5) อีคอมเมอร์ซ 6) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ 7) ด้านอื่นๆ เช่น ด้านพลังงาน หรือด้านการลงทุนร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งรัฐมนตรีออสเตรเลียแจ้งว่าจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว หากได้ข้อสรุปจะเชิญไทยเข้าร่วมลงนามเข้าร่วมยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2565
ประเด็นที่ 2 ออสเตรเลียเสนอให้ทั้งสองประเทศมีการประชุมอย่างเป็นทางการเป็นประจำหรืออย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ประเด็นที่ 3 การเร่งรัดข้อตกลงอาร์เซ็ป โดยมีประเทศที่ให้สัตยาบันแล้ว 3 ประเทศ คือ สิงคโปร์ จีนและญี่ปุ่น ในส่วนของไทยคาดว่าจะยื่นให้สัตยาบันต่อจากจาการ์ตาในเดือนตุลาคมหรือไม่เกินพฤศจิกายนปีนี้ สำหรับออสเตรเลียจะยื่นได้ในเวลาใกล้เคียงกัน เพื่อให้อาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้โดยเร็วภายในต้นปีหน้าตามเป้าหมาย ประเด็นที่ 4 เรื่องขององค์การการค้าโลกในส่วนที่เกี่ยวกับการอุดหนุนประมง ซึ่งไทยมีจุดยืนในเรื่องการสนับสนุนประมงชายฝั่งและประมงพื้นบ้าน และไม่สนับสนุนการอุดหนุนประมงผิดกฎหมาย (IUU fishing)
สำหรับประเด็นที่ 5 ออสเตรเลียได้สอบถามเรื่องการเตรียมการของไทย สำหรับการเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ โดยไทยได้เตรียม 3 ประเด็นเพื่อผลักดัน ได้แก่ 1) เรื่องการเจรจาหาข้อสรุปการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิกเอเปค 2) หาข้อสรุปการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และ 3) การส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มประเทศเอเปคภายใต้ทิศทาง BCG (Bio-Circular-Green Economy) โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
และประเด็นที่ 6 ไทยจะเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม โดยจะเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด และเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการเร่งรัดการส่งออก ซึ่งถือเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และคาดว่าในปี 2564 การส่งออกของไทยจะสามารถเติบโตได้เกิน 4% มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และคาดว่าในปี 2565 การส่งออกจะสามารถขยายตัวได้เป็นตัวเลขสองหลัก
สำหรับข้อเสนอของไทยมี 2 ประเด็นหลัก ดังนี้ ประเด็นที่ 1 ขอให้ออสเตรเลียนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยมากขึ้น อาทิ ยางรถยนต์ ซึ่งเป็นโอกาสดีของไทยที่จะใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพิ่มขึ้น อุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะถุงมือยาง ซึ่งไทยเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก อาหารแปรรูป ไทยสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีศักยภาพ ติด 1 ใน 10 ของโลก และอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นสินค้าดาวรุ่งของไทยที่การส่งออกขยายตัวสูง และออสเตรเลียจะเป็นตลาดสำคัญในอนาคต และประเด็นที่ 2 ไทยขอให้ออสเตรเลียช่วยสนับสนุนวัคซีนให้กับไทย เนื่องจากออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่และได้สนับสนุนวัคซีนให้กับหลายประเทศ
ทั้งนี้ ไทยกับออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบปีที่ 69 โดยในปี 2563 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 13,138 ล้านเหรียญสหรัฐ (409,021 ล้านบาท) ซึ่งขณะนั้นมูลค่าการค้าไทย-ออสเตรเลีย -7% แต่ไทยยังได้ดุลการค้ามูลค่า 6,523 ล้านเหรียญสหรัฐ (201,000 ล้านบาท) สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) การค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลียมีมูลค่า 8,426 ล้านเหรียญสหรัฐ (256,888 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 34.3 จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยไทยส่งออกมูลค่า 5,598 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้ามูลค่า 2,827 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ อัญมณีและเครื่องประดับ ยางรถยนต์ และเม็ดพลาสติกสำหรับสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ทองคำ อลูมิเนียมและทองแดง ธัญพืช น้ำมันดิบ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ
-----------------------------------
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
5 สิงหาคม 2564