นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานในสังกัดรับมอบนโยบาย
นายสมคิดย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องเร่งหามาตรการชักชวนการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากประเทศจีนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและมีแผนที่ขยายฐานการผลิตออกนอกประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม โดยให้เตรียมแผนจัดโรดโชว์ไปยังประเทศจีนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ที่ต้องปรับแผนและหาสิทธิประโยชน์ชักชวนการลงทุนเพิ่มขึ้นซึ่งไทยควรใช้โอกาสนี้ดึงการลงทุนโดยเร็ว
นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานในสังกัดต้องเร่งช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการคนตัวเล็กหรือเอสเอ็มอี โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นสำคัญให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รวมถึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ต้องร่วมมือกันทำงาน
ส่วนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ให้จัดศูนย์ไอทีซีให้เพียงพอกับความต้องการใช้บริการของเอสเอ็มอี ซึ่งปัจจุบัน กสอ.มีศูนย์ไอซีที รวม 105 แห่งหากงบประมาณไม่เพียงพอก็ให้ของบประมาณเพิ่มเติมได้นอกจากนี้จะต้องมุ่งพัฒนาให้เชื่อมโยงกับเกษตรแปรรูปเพิ่มมูลค่าและธุรกิจบริการโดยเฉพาะการขับเคลื่อนไปสู่คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพเพื่อก้าวสู่ศูนย์กลางภูมิภาค หรือ Bio Hub ซึ่งเรื่องนี้ขอให้บีโอไอนำปรับใช้เป็นนโยบายใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมกล่าวว่า ต้นเดือนกันยายนนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมแผนเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศจีนเพื่อให้นักลงทุนเห็นศักยภาพของไทยที่เหมาะแก่การเป็นฐานผลิตเช่นเดียวกับประเทศเวียดนามที่ขณะนี้ได้ออกมาตรการแข่งขันกับนานาประเทศเพื่อดึงนักลงทุนอยู่เช่นกัน
สำหรับการเข้าไปดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 90% ของกิจการทั้งหมดในประเทศไทยนั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งดำเนินการเพื่อช่วยพัฒนาต่อยอดการทำธุรกิจผ่านการให้องค์ความรู้ ช่วยเหลือจัดงบประมาณต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรถือเป็นแนวนโยบายหลักที่จะส่งเสริมให้ก้าวเข้าสู่เกษตรแปรรูปโดยเชื่อมโยงพื้นที่เป้าหมายผ่านมาตรการสนับสนุนของบีโอไอต่อไป
อย่างไรก็ตาม กสอ. ซึ่งทำหน้าที่ส่งเสริมเอสเอ็มอี แต่ได้รับงบประมาณค่อนข้างน้อย เรื่องนี้รองนายกรัฐมนตรี ต้องการให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องชี้แจงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจ จนนำไปสู่การได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นเบื้องต้นได้ของบประมาณปี 2563 กว่า 14,000 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาและดำเนินโครงการใหม่ๆ หลังจากปีที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับงบประมาณเพียง 5,000 ล้านบาท
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)กล่าวว่า ปัจจุบันเอสเอ็มอีมีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะการวางหลักประกัน ส่วนใหญ่ไม่มีหลักประกันพอที่จะวางค้ำประกันเงินกู้และปัญหาเครดิตบูโร จึงอยากให้กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันสถาบันการเงินของรัฐเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับเอสเอ็มอีด้วย