สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

3 บทเรียนพลิก SMEs ไทยรับการค้าโลก ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG
14/09/2025
ข่าวเศรษฐกิจ
การค้าโลกกำลังขยับเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ ผู้บริโภคและคู่ค้าทั่วโลกไม่ได้เลือกสินค้าจากราคาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังมองหาสินค้าที่ผลิตอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และได้มาตรฐานสากล นี่คือแรงกดดันและในขณะเดียวกันก็คือโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่เป็นฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจ

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) มองเห็นความท้าทายนี้ จึงจัดกิจกรรม การแสดงศักยภาพและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทย ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อเปิดเวทีให้ SMEs ได้เรียนรู้ ได้แรงบันดาลใจ และได้เห็นตัวอย่างจริงของธุรกิจที่นำโมเดล BCG  Bio-Circular-Green Economy มาปรับใช้จนเกิดผลลัพธ์ชัดเจน

ท่ามกลางผู้เข้าร่วมงานทั้งจากภาครัฐและเอกชน เรื่องเล่าของผู้ประกอบการ 3 ราย กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนว่าความยั่งยืนเริ่มต้นได้จากธุรกิจเล็ก ๆ หากมีความตั้งใจจริงและมองเห็นโอกาส

พลิกเศษพลาสติกเป็นเก้าอี้ สร้างแบรนด์ยั่งยืน

จิทานันท์ สิทธิอำไพ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท แบ็กส์ แอนด์ โกล์ฟ จำกัด เล่าว่า จุดเริ่มต้นของบริษัทมาจากการเป็น โรงงาน OEM ผลิตพลาสติกในประเทศไทย แปรรูปเม็ดพลาสติกทั้งแบบทั่วไปและย่อยสลายได้ออกมาเป็นฟิล์ม ก่อนจะถูกตัดและซีลเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน ปลอกแขน และอุปกรณ์ป้องกันสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและการแพทย์

กระทั่งบริษัทขยายการผลิตไปสู่สินค้าที่หลากหลายมากขึ้น นำไปสู่การใช้เศษพลาสติก PE ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ มาอัพไซเคิลเป็น “เก้าอี้ทรงเต่า” ผลงานที่ไม่เพียงแก้โจทย์ปัญหาขยะพลาสติก แต่ยังสร้างเรื่องเล่าที่ทรงพลังให้กับแบรนด์

และทำให้ธุรกิจสามารถสื่อสารความยั่งยืนกับตลาดได้อย่างจริงจัง และเริ่มต้นสร้างตัวตนใหม่ที่ชัดเจนขึ้น โดยวางวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน ผ่านการใช้ นวัตกรรม (Innovation) มาขับเคลื่อนธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว

การสร้างตัวตนของธุรกิจ เราต้องมองที่คุณค่าที่ต้องการให้ลูกค้า เพื่อสร้างสตอรี่สื่อสาร และสตอรี่โปรดักซ์ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ขณะเดียวกัน SMEs ก็สามารถหยิบเอาอัตลักษณ์ของไทยมาปรับใช้ให้สินค้าแตกต่างและมีกลิ่นอายความเป็นไทย

สำหรับบริษัท แบ็กส์ แอนด์ โกล์ฟ ความยั่งยืนไม่ใช่แค่การตลาด แต่คือการ “ทำจริง” เพราะธุรกิจจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อดูแลทุกมิติไปพร้อมกัน ตั้งแต่พาร์ทเนอร์ พนักงาน ชุมชน ตลอดจนการลงทุนด้านเครื่องจักรและการเลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงผลกระทบต่อการปล่อยคาร์บอน

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการทำงานร่วมกับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยแนะนำการคำนวณ คาร์บอนฟุตพรินต์

สมุนไพร ธุรกิจที่เติบโตไปกับชุมชน

เฉลิมพล อารีย์เกื้อตระกูล กรรมการ บริษัท อารีเฮิร์บ จำกัด เล่าว่า อารีเฮิร์บ เริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัวที่สุด ภูมิปัญญาชาวบ้าน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เห็นคุณค่าของสมุนไพรที่ผู้คนอาจมองข้าม แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยคุณประโยชน์และศักยภาพที่จะต่อยอดเป็นธุรกิจ

การสร้างตัวตน ต้องเริ่มจากความชอบ รักอะไร เช่น ทำสมุนไพร ก็ไปเรียนเพิ่มเติม ต้องเข้าใจสิ่งที่ทำ รู้ลึก ต่างจากคู่แข่ง

ด้วยแนวคิดนี้ อารีเฮิร์บจึงทำงานร่วมกับชุมชนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สมุนไพรไทยไม่เพียงแค่เป็นผลิตภัณฑ์ แต่เป็นช่องทางสร้างรายได้และมูลค่ากลับคืนสู่ชุมชน

ในการขยายธุรกิจ อารีเฮิร์บยังมองไปถึง การใช้กากจากสมุนไพร อย่างเช่น กากมะขามป้อม ไปต่อยอดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ไม่เพียงลดการสูญเสีย แต่ยังสร้างความหลากหลายให้กับสินค้า และตอบโจทย์ตลาดที่กำลังมองหาทางเลือกที่ยั่งยืน
ที่มาของข่าว: ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.