ปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียลในวันจันทร์ โดยเขาได้แชร์ภาพจดหมายซึ่งระบุถึงอัตราภาษีนำเข้าใหม่ที่ส่งถึงผู้นำของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย คาซัคสถาน แอฟริกาใต้ ลาว และเมียนมา ต่อมาในวันเดียวกัน เขาได้แชร์ภาพจดหมายอีก 7 ฉบับที่ส่งถึงผู้นำของประเทศไทย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ตูนิเซีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ เซอร์เบีย และกัมพูชา
ทั้งนี้ จดหมายที่ปธน.ทรัมป์โพสต์ระบุว่า สินค้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย คาซัคสถาน และตูนิเซีย ที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% ขณะที่สินค้าจากแอฟริกาใต้และบอสเนียจะถูกเก็บภาษีนำเข้า 30% และสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียจะถูกเรียกเก็บภาษี 32%
นอกจากนี้ จดหมายของปธน.ทรัมป์ระบุว่า บังกลาเทศและเซอร์เบียจะถูกเก็บภาษี 35% ขณะที่กัมพูชาและไทยจะถูกเรียกเก็บภาษี 36% ส่วนลาวและเมียนมาจะถูกเก็บภาษี 40%
เนื้อหาในจดหมายดังกล่าวระบุว่า อัตราภาษีใหม่นี้มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับทั้ง 14 ประเทศ ขณะเดียวกันจดหมายที่ปธน.ทรัมป์ลงนามยังระบุเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯ “อาจจะ” พิจารณาปรับระดับภาษีใหม่ “โดยขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของเรากับประเทศของคุณ”
จดหมายเหล่านี้เป็นจุดหมายชุดแรกที่ถูกส่งให้กับประเทศต่าง ๆ ก่อนวันพุธที่ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของปธน.ทรัมป์จะถูกปรับเพิ่มขึ้นตามที่เขาประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษทำเนียบขาวกล่าวว่า จะมีจดหมายส่งออกไปอีกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมกับกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อเลื่อนกำหนดเส้นตายวันพุธที่ 9 ก.ค. ออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค.
สำหรับตารางภาษีใหม่ที่ประกาศ ณ วันที่ 7 ก.ค. เทียบกับอัตราภาษีที่ประกาศ ณ วันที่ 2 เม.ย.มีดังนี้
ไทย 36% ไม่เปลี่ยนแปลง
ลาว 40% ลดลงจากระดับ 48%
เมียนมา 40% ลดลงจากระดับ 44%
กัมพูชา 36% ลดลงจากระดับ 49%
บังกาเทศ 35% ลดลงจากระดับ 37%
เซอร์เบียร์ 35% ลดลงจากระดับ 37%
อินโดนีเซีย 32% ไม่เปลี่ยนแปลง
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 30% ลดลงจากระดับ 35%
แอฟริกาใต้ 30% ไม่เปลี่ยนแปลง
ญี่ปุ่น 25% เพิ่มขึ้นจากระดับ 24%
คาซัคสถาน 25% เพิ่มขึ้นจากระดับ 27%
มาเลเซีย 25% เพิ่มขึ้นจากระดับ 24%
เกาหลีใต้ 25% ไม่เปลี่ยนแปลง
ตูนิเซีย 25% ลดลงจากระดับ 28%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 68)