รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
เร่งเดินหน้ายกระดับความตกลง FTA มอบเจ้าหน้าที่เจรจาให้จบภายในปี
2565 พร้อมพิจารณาคำขอเข้าเป็นสมาชิกของชิลี เผยไทยหนุนเต็มที่
เหตุช่วยเชื่อมโยงการค้าระหว่างอาเซียนกับภูมิภาคลาตินอเมริกา
ส่วนการหารือกับอินเดีย เคาะลุยยกระดับการเปิดเสรีการค้าสินค้า
เพื่อเปิดกว้างการเข้าถึงตลาดระหว่างกันให้มากขึ้น
ดร.สรรเสริญ สมะลาภา
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา
ได้แก่ ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และอินเดีย ผ่านระบบการประชุมทางไกล
เพื่อเร่งเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) และฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด
19 พร้อมหารือกับภาคธุรกิจเพื่อหาช่องทางขยายการดำเนินการทางธุรกิจการค้าให้มากขึ้น
ดร.สรรเสริญ กล่าวว่า
การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ครั้งที่ 26 ที่ประชุมได้หารือถึงการเร่งเจรจายกระดับความตกลง FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ให้ไปสู่ความตกลงที่ทันสมัย
สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น การค้าบริการ การลงทุน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
การแข่งขันทางการค้า การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ
การอำนวยความสะดวกทางการค้าและพิธีการศุลกากร การพัฒนาการเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
และการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง เล็ก และย่อม เป็นต้น
ซึ่งที่ประชุมมอบหมายเจ้าหน้าที่เร่งเจรจายกระดับให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อความสนใจของ “ชิลี”
ที่ต้องการเข้าร่วมความตกลง AANZFTA โดยไทยได้ชี้ให้เห็นว่าชิลีจะมีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าระหว่างอาเซียนกับภูมิภาคลาตินอเมริกา
ซึ่งที่ประชุมได้มอบระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสพิจารณารายละเอียดและหาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมในเรื่องนี้
สำหรับประเด็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนในภูมิภาค ที่ประชุมเห็นว่าอาเซียน
ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
จำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด-19
ต่อไป ส่วนการหารือกับภาคเอกชนจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้แก่
หอการค้าออสเตรเลีย-อาเซียน (AustCham ASEAN) สภาธุรกิจอาเซียน-ออสเตรเลีย
(AABC) และสภาธุรกิจอาเซียน-นิวซีแลนด์ (ANZBC) ภาคเอกชนขอให้เร่งยกระดับความตกลง AANZFTA แก้ปัญหามาตรการที่ไม่ใช่ภาษี
(NTMs) เร่งเชื่อมโยงยกมาตรฐานร่วมกันในอาเซียน
และพัฒนาด้านดิจิทัล และ e-commerce ในภูมิภาค เป็นต้น
ดร.สรรเสริญ เพิ่มเติมว่า
สำหรับที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 18
ยังได้หารือในเรื่องการเตรียมการเพื่อเริ่มเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน–อินเดีย
(AITIGA) ที่ในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือเรื่องกรอบแนวทางการเจรจา
จึงได้เห็นพ้องร่วมกันที่จะให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียนและอินเดียเร่งรัดหาข้อยุติขอบเขตการทบทวนความตกลง
AITIGA โดยเร็ว เพื่อจะได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วม (Joint
Committee: JC) และเริ่มเจรจาทบทวนต่อไป
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามที่ความตกลงได้กำหนดไว้ และจะทำให้เป็นประโยชน์ในการเพิ่มการค้าของทั้งสองฝ่ายที่มีขนาดตลาดผู้บริโภครวมกันกว่า
2,000 ล้านคน
ซึ่งไทยหวังให้ทั้งสองฝ่ายเร่งดำเนินการหาข้อยุติในเรื่องกรอบขอบเขตการทบทวนโดยเร็ว
และเน้นย้ำเป้าหมายให้ความตกลง AITIGA เปิดกว้างในการเข้าถึงตลาด
มีความทันสมัย ลดอุปสรรคการค้า และจะต้องอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจการค้ามากขึ้น
ทั้งนี้
ที่ประชุมยังร่วมกันยินดีที่ประเทศสมาชิกได้ให้สัตยาบันความตกลงการลงทุนอาเซียน–อินเดีย
(ASEAN
– India Investment Agreement: AIIA) ครบแล้ว
และได้ร่วมย้ำความสำคัญของการเจรจาระดับพหุภาคีในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO)
ด้วย ส่วนการประชุมร่วมกับสภาธุรกิจอาเซียน–อินเดีย (ASEAN –
India Business Council: AIBC) ภาคเอกชนได้ย้ำเรื่องการทบทวนความตกลง
AITIGA ให้ครอบคลุมการเปิดเสรีเพิ่มเติม
กฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่เปิดกว้าง การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการทางศุลกากร และขอให้สนับสนุนความร่วมมือของภาคเอกชนสองฝ่ายในสาขาที่สนใจร่วมกัน
อาทิ การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีและดิจิทัล การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน
การเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ startup อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
การพัฒนาผู้ประกอบการสตรีและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
---------------------------------------
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
1 ตุลาคม 2564