นายประณิธาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์โควิด-19 ทุกธุรกิจล้วนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปรับตัว ให้เข้ากับสถานการณ์ สิ่งที่โคมัตสุเน้นย้ำคือการดูแลพนักงานให้มีขวัญและกำลังใจในการบริการลูกค้า
ในส่วนของภาพรวมตลาดกลับพบว่าตลาดเครื่องจักรกลหนักเติบโตขึ้น เนื่องมาจากเงินสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูสถานการณ์โควิด-19 จากทางภาครัฐ มีเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างด้วย รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ แหล่งน้ำ ทำให้เครื่องจักรกลหนัก มีความต้องการในตลาดค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องใช้ในการก่อสร้าง และรองรับกับการขยายงาน โปรเจกต์ต่างๆ ทำให้โคมัตสุได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้น้อยมากก็ถือว่าธุรกิจยังมีความโชคดีตรงจุดนี้อยู่
นายประณิธาน กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด อย่างช่องทางการจัดจำหน่าย เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนมาสนใจช่องทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นก็ได้ขยายช่องทางการติดต่อผ่านทางออนไลน์สำหรับลูกค้าที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line OA และ Call Center
นอกจากนั้นแล้ว แผนงานในปีนี้จะมุ่งเน้นลูกค้าตามประเภทธุรกิจ เพื่อจะได้ตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
"แต่เดิมเราไม่ได้มีตัวเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าแต่ปัจจุบันเราพัฒนาทั้งเครื่องจักรและบริการให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น เช่น สำหรับลูกค้างานเหมือง เราต้องเสนอสินค้าและบริการที่มั่นใจว่าลูกค้าจะต้องทำงานได้ตามเป้าหมายในแต่ละวัน รวมถึง การพัฒนาเครื่องจักรรุ่นใหม่ๆออกมา"
โดยในช่วงต้นปี บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ PC130-10M0 ที่มีการพัฒนา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยได้มีการปรับปรุงเครื่องจักรให้ทำงานได้ไวขึ้น และประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง มีความแข็งแรง ทนทาน ซึ่งหลังจากเปิดตัวสู่ตลาดก็ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันก็มี B-Connect Warranty การรับประกันเครื่องจักรตลอดอายุการใช้งาน ,โปรแกรม KOTS ซึ่งเป็นโปรแกรมฝึกคนขับ เพื่อให้คนขับใช้เครื่องจักรได้ถูกวิธี และมีประสิทธิภาพสูงสุด, ระบบ KOMTRAX ที่เป็นระบบที่ช่วยในการบริหารเครื่องจักร อีกทั้งยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการดูแลเครื่องจักรด้วยตัวเอง
สำหรับ ศูนย์บริการหลังการขายของโคมัตสุในประเทศไทยนั้น ปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 23 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ คือ ภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพฯ สำนักงานใหญ่, นวนคร, สระบุรี, ราชบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ระยอง, สระแก้ว และชลบุรี ภาคเหนือ ได้แก่ ลำปาง, พิษณุโลก, นครสวรรค์, เชียงใหม่ และเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น, นครราชสีมา, อุดรธานี, สุรินทร์, อุบลราชธานี และ มุกดาหาร ภาคใต้ ได้แก่ ทุ่งสง, สุราษฎร์ธานี, หาดใหญ่ และภูเก็ต
บริษัทยังมีแผนจะขยายศูนย์บริการเพิ่มในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด ซึ่งรายละเอียดในตอนนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการวางแผนการลงทุน ด้วยแผนงานและกลยุทธ์ต่างๆที่วางไว้ ประกอบกับปัจจัยต่างๆที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ทำให้บริษัทฯมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 900 คัน หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท
นายประณิธาน กล่าวเพิ่มเติมว่าในโอกาส 100 ปีโคมัตสุ ทาง บางกอกโคมัตสุ ผลิตและส่งออกรถขุดตักโคมัตสุ ได้มีแนวคิดในการรณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีให้พนักงานทุกคน โดยได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพียงคนละ 1 ต้นที่บ้าน หรือในสถานที่ทำงาน เพื่อเพิ่มพื้นที่ สีเขียวให้องค์กรและบ้านของพนักงานทุกหลังเพื่อให้เกิดสิ่งดีๆ