ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือนมี.ค.64 อยู่ที่ 100.42 เพิ่มขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ Core CPI เฉลี่ยไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.12%
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.64 ถือว่าหดตัวน้อยที่สุดในรอบ 13 เดือน โดยมีสาเหตุสำคัญจากสินค้าในกลุ่มพลังงานที่กลับมาเป็นบวกอีกครั้งในรอบ 14 เดือน โดยสูงขึ้น 1.35% ตามราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่ปรับสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก รวมทั้ง น้ำมันพืช และเนื้อสุกร ที่ยังมีราคาสูง โดยเนื้อสุกรปรับสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับมีต้นทุนในการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาเพิ่มขึ้น
สำหรับดัชนีในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อยู่ที่ 100.29 ลดลง -0.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง -0.08% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.63 ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม อยู่ที่ 98.46 เพิ่มขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.43% จากเดือนก.พ.64
นายวิชานัน คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อไตรมาสที่ 2 ปีนี้ว่า มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง การฉีดวัคซีนที่ขยายวงกว้างมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านการท่องเที่ยวโดยกำหนดให้มีวันหยุดเพิ่มเติม การเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการบริโภคสินค้าและบริการภายในประเทศในระยะต่อไป
นอกจากนี้ ราคาพลังงานโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ และอุปสงค์ด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับฐานราคาที่ต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าเกษตร ยังมีโอกาสผันผวนตามสภาพอากาศ ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
รองผู้อำนวยการ สนค. กล่าวด้วยว่า ในเดือนมี.ค.64 กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับสมมติฐานสำหรับคาดการณ์เงินเฟ้อใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปรับลงมาเหลือ 2.5-3.5% (เดิม 3.5-4.5%) ราคาน้ำมันดิบดูไบทั้งปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 55-65 ดอลลาร์/บาร์เรล (เดิม 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรล) และอัตราแลกเปลี่ยนทั้งปี 29-31 บาท/ดอลลาร์ (เดิม 30-32 บาท/ดอลลาร์) แต่ทั้งนี้ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปีไว้ที่ 0.7-1.7% หรือค่าเฉลี่ยทั้งปีที่ 1.2% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง ซึ่งหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สนค.จะมีการทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้ออีกครั้ง