นายสุพันธุ์ มงคลสุธี
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมฯ
ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด
จนกระทั่งปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงมาก
จึงได้หารือร่วมกับพันธมิตรจัดงาน FTI EXPO 2022 เพื่อแสดงความพร้อมในการเดินหน้าและ
สร้างจุดเปลี่ยนให้วงการอุตสาหกรรมไทยก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน
FTI EXPO 2022
นอกจากจะเป็นการขานรับนโยบายเปิดประเทศแล้ว ยังถือเป็นการจุดพลุดอกแรก
เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจและภาคประชาชน
ให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้อย่างเข้มแข็ง จัดขึ้นภายใต้แนวคิด SHAPING FUTURE
INDUSTRIES I ฉากทัศน์ใหม่ อุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต ระหว่างวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2565 ณ
ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่
ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทยและองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ
ภาคเอกชนและภาคการศึกษา ทั้งด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การค้าและการท่องเที่ยว
เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มุ่งเน้นการแสดงศักยภาพ
นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปกติใหม่ (New Normal)
รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั่วโลก
เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคธุรกิจ
โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับประเทศภายใต้แนวคิด
BCG
Economy Model ซึ่งจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต
รวมทั้งเพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ไทย
การค้าการลงทุนให้เชื่อมโยงสู่ระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ
ควบคู่ไปกับการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
และสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนของประเทศให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้แบบ
Next
Normal โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานและ มีส่วนร่วมผ่านช่องทาง Online
ไม่ต่ำกว่า 50,000 คน
สร้างโอกาสทางการค้าและเกิดเงินทุนหมุนเวียนภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในงานนี้จะชูแนวคิด BCG Economy
Model หรือ Bio-Circular-Green Economy ที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ
และเป็นนโยบายสำคัญของการดำเนินการของภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืนในระยะยาว
การนำ BCG Economy Model เข้ามาขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ
เป็นสิ่งที่ประเทศไทยเราทำได้และมีความได้เปรียบ โดยเฉพาะด้าน Bio Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพเนื่องจากไทยมีทรัพยากร มีความหลากหลายทางชีวภาพ
เป็นจุดที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้
สภาอุตสาหกรรมฯ
ได้ร่วมผลักดันและดำเนินงานตามนโยบาย BCG ของประเทศ ภายใต้ 3 กลยุทธ์ คือ 1) การพัฒนาโมเดล BCG และการขยายผล 2) การพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์
และ 3) การพัฒนามาตรฐานและการสนับสนุนด้านนโยบาย
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (Bio-Circular-Green
Economy) ไปพร้อมกัน
โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโต
เกิดธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง
และลดมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เกิดเป็นรูปธรรม
โดยมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ การส่งเสริม Smart
Agriculture Industry, การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร plant-based
food, การพัฒนายารักษาโรค, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร,
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร, การส่งเสริมการจัดขยะพลาสติกภายใต้การสนับสนุน
AEPW การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
รวมถึงโครงการการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งทั้งหมดนี้
จะนำมาจัดแสดงสินค้าอุตสาหกรรม ครอบคลุม 11
คลัสเตอร์อุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มปูนซิเมนต์ กลุ่มการพิมพ์และอาหาร
กลุ่มไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม กลุ่มเครื่องปรับอากาศ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์
กลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร กลุ่มยานยนต์ คลัสเตอร์พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คลัสเตอร์สุขภาพและความงาม และสินค้าอุตสาหกรรมเด่นจาก 5
ภูมิภาค โดยกลุ่มยานยนต์ จะมีการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า (Zero Emission Vehicle
: ZEV) และสร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า Test Drive ภายในงานอีกด้วย
นอกจากนี้
ในอนาคตประเทศไทยจะมีแผนลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรมของไทยให้ไปสู่
Net
Zero ตามข้อตกลงที่ไทยได้ให้คำมั่นไว้กับประชาคมโลก ดังนั้น
เพื่อให้เกิดการลดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
สภาอุตสาหกรรมฯ จะมีการเปิดตัว Thailand Carbon Credit Exchange Platform แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิตครั้งแรกในงานนี้ด้วย
ด้าน นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์
เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงไฮไลท์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในงานว่า
บนพื้นที่ของการจัดงาน FTI
EXPO 2022 กว่า 30,000 ตารางเมตร
จะมีการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า สินค้าและบริการที่ทันสมัย
รวมทั้งเป็นเวทีเปิดกว้างในการแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมไทยที่หลากหลาย ครบวงจร
พร้อมระดมสุดยอดซีอีโอชั้นนำของประเทศทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการขับเคลื่อนไทยสู่อนาคต
โดยประกอบด้วย 6
กิจกรรมหลักๆ ได้แก่ FTI FUTURE FORUM รวมสุดยอดผู้นำองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนระดับประเทศเพื่อแสดงนโยบายและวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต,
EXHIBITION & RETAIL มากมายด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าของเหล่าพันธมิตรและสินค้าอุตสาหกรรมไทย,
Business Matching & Networking พบปะคู่ค้าคนสำคัญเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกัน,
INNOVATION & TECHNOLOGY SHOWCASE ตื่นตากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมล้ำสมัยที่เข้ามาช่วยให้ธุรกิจไปไกลกว่าเดิม,
BCG ECONOMY MODEL SHOWCASE นำเสนอแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกของเรา,
พบนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตจากผู้ประกอบการภาคเหนือ Northern
FOOD Valley & สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยโดยได้รับการรับรอง Made
in Thailand จากสภาอุตสาหกรรมฯ
ในด้านความพร้อมของการจัดงาน นายมนตรีฯ
เผยว่า เราได้เตรียมความพร้อมในการรองรับผู้เข้าชมในแต่ละวัน
มีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อความสมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านสถานที่
โรงแรมที่พัก ระบบสาธารณูปโภค มาตรการป้องกันโควิด-19 ระบบโลจิกติกส์
การบริการรถรับ-ส่งภายในงาน การปฐมพยาบาล การรักษาความปลอดภัย การบริการต้อนรับ
ร้านค้า ร้านอาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการดูแลต้อนรับและอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมงาน
ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและผ่านการตรวจ ATK ก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกคน
นอกจากนั้นแล้ว สภาอุตสาหกรรมฯ ยังร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่
จัดเตรียมที่พักและบริการต่างๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่เดินทางไปร่วมงานนี้ ด้วยราคาพิเศษ!!
โดยสามารถดูรายละเอียดโรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวได้บนเว็บไซต์ www.FTIEXPO.COM
“และที่สำคัญ FTI EXPO 2022 ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
จะมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565”
นายมนตรีฯ กล่าว
ด้าน นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า
เชียงใหม่มีศักยภาพและความพร้อมสูงมากในการจัดกิจกรรมไมซ์
เนื่องจากมีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีเอกลักษณ์
มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์
ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งที่พัก การเดินทาง
อีกทั้งเชียงใหม่ได้วางแผนพัฒนาจังหวัดระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570)
ที่มีเป้าหมายเพื่อให้เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง
เศรษฐกิจดี ประชากรอยู่ดีกินดี และสิ่งแวดล้อมดี โดยมองยุทธศาสตร์การพัฒนาใน 3 ประเด็น คือ การท่องเที่ยวที่เพิ่มมูลค่าสามารถปรับเข้ากับสถานการณ์ได้
การเกษตรที่แม่นยำใช้ระบบดิจิทัลบนพื้นฐาน BCG และการค้าการลงทุนบนพื้นฐานของนวัตกรรมและความยั่งยืน
ซึ่งการจัดงาน FTI EXPO 2022
ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ
จะเป็นการแสดงพลังของภาคธุรกิจและการผลิตที่ทำให้ประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปได้
ด้าน นางศุภวรรณ ตีระรัตน์
รองผู้อำนวยการอาวุโสจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน.
กล่าวว่าอุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหลักของประเทศ
ซึ่งภายในงาน FTI
EXPO มีการเปิดเวทีสร้างเครือข่ายผู้ซื้อพบผู้ขาย
ผ่านการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม ในรูปแบบ on-ground event โดยเลือกพื้นที่เชียงใหม่ที่เป็นเมืองไมซ์ซิตี้ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีความพร้อมในการรองรับการจัดงานไมซ์เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเหนือ
ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากการใช้จ่ายของนักธุรกิจและผู้ที่สนใจทั่วไปในการเข้าร่วมงานและการซื้อขายในงาน
รวมทั้งยกระดับและนำเสนออุตสาหกรรมในกลุ่มคลัสเตอร์เป้าหมาย
และการจัดงานนี้ถือเป็นการสนับสนุนแคมเปญ “เปิดเมืองปลอดภัย
จัดงานไมซ์มั่นใจด้วยมาตรฐาน”เพื่อสนับสนุนการจัดงานไมซ์ด้วยมาตรฐานด้านสุขอนามัยในสถานที่จัดงานและกิจกรรมต่างๆ
พร้อมทั้งขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย ในงานนี้ สสปน.
ให้ความสำคัญในการสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อทำการจัดงานในรูปแบบไฮบริดนำเทคโนโลยีมามีส่วนร่วมในการจัดงานร่วมกับการจัดงานจริง
ทั้งส่วนการเจรจาธุรกิจ หรือ Business Matching การจัดประชุมสัมมนา
และสนับสนุนให้เกิดการจัดงานโดยนำแนวปฎิบัติการจัดงานแสดงสินค้าแบบ “Sustainable
Event” และการจัดงานเพื่อลด “Carbon Footprint” รวมทั้งการอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้กับงานร่วมกับเมืองในฐานะเจ้าภาพ
นายสุพันธุ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
“สภาอุตสาหกรรมฯ มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีการทำงานร่วมกัน
สร้างการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจของประเทศ ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมสนับสนุนและร่วมเป็นกำลังสำคัญในเครือข่ายพันธมิตรจัดงานครั้งนี้ขึ้น
เพื่อจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่วงการอุตสาหกรรมไทย”