เลขาบีโอไอเผย 9 เดือน
ต่างชาติขอรับการส่งเสริมการลงทุน 587 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 372,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรก
(ม.ค. - ก.ย.) ปี 2564 มูลค่าขอรับการส่งเสริมจากต่างประเทศ หรือ FDI
มีจำนวน 587 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 372,068 ล้านบาท
โดยมูลค่าเพิ่มขึ้น 220% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประเทศที่มีมูลค่าลงทุนสูงสุด 3
อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 67,816 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 26,936 ล้านบาท และสิงคโปร์
26,882 ล้านบาท
ขณะที่การลงทุนทั้งหมดมีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน
1,273 โครงการ เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563
คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 520,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าสูงกว่าปี 2563 ทั้งปี (432,000
ล้านบาท) และสูงกว่ามูลค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดช่วงปี 2558 – 2562 (483,664
ล้านบาท)
ทั้งนี้
กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 269,730
ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 52% ของมูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด
โดยอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุดอันดับแรก ได้แก่
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 77,210 ล้านบาท
ซึ่งเป็นผลมาจากการย้ายฐานการผลิตและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (covid-19) ที่เปลี่ยนกิจกรรมของคนทำงานในรูปแบบ WFH ทำให้มีความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น
อันดับ 2 อุตสาหกรรมการแพทย์ 59,210 ล้านบาท
ซึ่งก็เป็นการลงทุนต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด
ส่งผลให้ความต้องการสินค้าที่ใช้ในการป้องกันเชื้อโควิด เช่น ถุงมือยาง
เพิ่มขึ้นอย่างมาก อันดับ 3 ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 36,760 ล้านบาท อันดับ 4
การเกษตรและแปรรูปอาหาร 31,660 ล้านบาท และอันดับ 5 เทคโนโลยีชีวภาพ 20,950
ล้านบาท
สำหรับพื้นที่เป้าหมายโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(อีอีซี) หรือ EEC มีการขอรับส่งเสริมจำนวน 348
โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 173,780 ล้านบาท โดยจังหวัดระยอง
มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 91,670 ล้านบาท
รองลงมาเป็นจังหวัดชลบุรี มูลค่าเงินลงทุน 54,310 ล้านบาท
และจังหวัดฉะเชิงเทรา มูลค่าเงินลงทุน 27,800 ล้านบาท
นอกจากนี้
การขอรับส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ในช่วง 9
เดือนแรกมีจำนวน 134 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 14,806 ล้านบาท
โดยการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมีมูลค่าสูงสุด
รองลงมาคือ การปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงาน พลังงานทดแทน
และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการตื่นตัวเรื่องการใช้พลังงานทดแทน
โครงการที่ขอสิทธิประโยชน์สำหรับการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนไว้ใช้เองได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ประมาณการว่าโครงการเหล่านี้ที่ยื่นคำขอในปีจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนรวมถึง
300 เมกกะวัตต์
“นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติยังคงให้ความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
อีกทั้งผู้ประกอบการมีความพร้อมเพื่อยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0
สังเกตได้จากมีกิจการยื่นขอรับการส่งเสริมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้านเครื่องจักรด้วยการนำระบบอัตโนมัติมาใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง
9 เดือนที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าเงินลงทุน 7,378 ล้านบาท
หรือประมาณครึ่งหนึ่งของคำขอรับส่งเสริมตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ"
อย่างไรก็ดี ล่าสุดบริษัท Western
Digital ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอก็ได้รับคัดเลือกจาก World
Economic Forum ให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ
ได้รับรางวัลระดับนานาชาติด้านการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่
4 (4th Industrial Revolution) มาใช้ในโรงงาน
ซึ่งนับเป็นโรงงานแห่งแรกของไทยที่ได้รับรางวัลนี้
สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่พร้อมขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ