กระทรวงพาณิชย์ร่วมประชุมคณะกรรมการฯ
สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออกถกหาแนวทางฟื้นเศรษฐกิจในภูมิภาค
ชี้! การเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นดิจิทัล และการพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน
จะเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันอาเซียนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฟื้นตัวในระยะยาว
ดร.สรรเสริญ สมะลาภา
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
ได้เป็นผู้แทนไทยในคณะกรรมการบริหารของสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก
(Economic
Research Institute for ASEAN and East Asia: ERIA) เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการฯ
ครั้งที่ 14 (14th ERIA Governing Board Meeting) ผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเป็นการประชุมประจำปี
เพื่อวางนโยบายและกำหนดแผนงานต่างๆ โดยเฉพาะการสนับสนุนของสถาบัน ERIA ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคภายหลังสถานการณ์โควิค-19 พร้อมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของสถาบัน ERIA
ดร. สรรเสริญ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้
มีการแลกเปลี่ยนมุมมองและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติของโควิค-19 ต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคและโลก
การฟื้นฟูเศรษฐกิจและแนวทางสำคัญในการเดินหน้าต่อในอนาคต (way forward) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องว่า
กระแสโลกาภิวัตน์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
โดยมีเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทเป็นตัวเร่งในการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นดิจิทัล
(Digital Transformation) ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจะเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้อาเซียนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกฟื้นตัวจากผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาว
ดร. สรรเสริญ เพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมา
สถาบัน ERIA
มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนด้านวิชาการผลักดันให้ประเด็นและผลลัพธ์ต่างๆ
(deliverables) ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของบรูไนฯ ในปีนี้
ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ อาทิ
การจัดทำเครื่องมือประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTM Toolkit)
ซึ่งเป็นแนวทางการปรับปรุงมาตรการ NTMs ของอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพื่อส่งเสริมการค้า ลดต้นทุนและภาระในการเคลื่อนย้ายสินค้าในภูมิภาค
กรอบการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ซึ่งเป็นแนวทางที่อาเซียนสามารถนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
การศึกษาผลกระทบของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (4IR) เพื่อวางแนวทางการเตรียมพร้อมและการรับมือของอาเซียนในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล
และการทำงานร่วมกับสำนักเลขาธิการอาเซียน
เพื่อจัดทำรายงานการทบทวนแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในระยะกลาง (Mid-Term
Review (MTR) of AEC 2025)
นอกจากนี้ สถาบัน ERIA
ยังได้สนับสนุนอาเซียนโดยมีผลงานศึกษาวิจัย สัมมนา
กิจกรรมเพิ่มขีดความสามารถ (capacity building) ครอบคลุมประเด็นสำคัญ
อาทิ การเสริมสร้างการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ การลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกโดยส่งเสริมความเชื่อมโยงและการพัฒนาอุตสาหกรรม
การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน พลังงาน และสาธารณสุข
ซึ่งมีส่วนช่วยและสนับสนุนการดำเนินการของภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ
ของอาเซียนและประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออก
ทั้งนี้ สถาบัน ERIA
ก่อตั้งขึ้นตามมติของผู้นำในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East
Asia Summit: EAS) ครั้งที่ 3
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ประกอบด้วย
ผู้แทนในระดับสูงจากภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มของอาเซียนและเอเชียตะวันออกผ่านงานวิจัยทางเศรษฐกิจ
มีสถานะเป็นองค์กรระหว่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2551
ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตั้งอยู่ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย นอกจากนี้
เมื่อต้นปี 2564 สถาบัน ERIA ได้รับการจัดอันดับใน
Global Go To Think Tank Index for 2020
ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้เป็น International
Economics Policy Think Tank อันดับที่ 9
ของโลก
------------------------------------
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
20 ตุลาคม 2564