รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-เกาหลีใต้
เดินหน้าอัพเกรด FTA
ยกเลิกการเก็บภาษีสินค้าเพิ่มเติม ปรับปรุงความตกลงให้ทันสมัย
พร้อมเร่งรัดให้พิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้ามีผลบังคับใช้โดยเร็ว
ด้านเกาหลีใต้พร้อมร่วมมืออาเซียนตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรม ศูนย์วิจัยมาตรฐาน
และการพัฒนาสตาร์ทอัพ
ดร. สรรเสริญ สมะลาภา
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์)
ให้เข้าร่วมเป็นหัวหน้าผู้แทนไทยในการประชุมหารือรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน–เกาหลีใต้
ครั้งที่ 18 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
เพื่อหารือประเด็นสำคัญ อาทิ การยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้ (ASEAN-KOREA
Free Trade Agreement : AKFTA) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด–19
และการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรม ศูนย์วิจัยมาตรฐาน และการพัฒนาสตาร์ทอัพ
ดร. สรรเสริญ กล่าวว่า
ที่ประชุมได้เร่งรัดให้เวียดนามซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายของอาเซียนที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันพิธีสารฉบับที่สามเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-เกาหลีใต้
(AKTIGA)
ดำเนินการโดยเร็ว เพื่อให้พิธีสารมีผลใช้บังคับ
เนื่องจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้าแก่ผู้ประกอบการ
โดยเฉพาะในเรื่องการลงนามและประทับตราอิเล็กทรอนิกส์ในหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
ที่ประชุมยังสนับสนุนให้สมาชิกเดินหน้าเปิดตลาดลดและยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าในรายการสินค้าเพิ่มเติมตามแผนที่ระบุไว้ในความตกลงและให้ศึกษาเพื่อยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้ให้ทันสมัยและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการมากขึ้น
โดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิด-19
ดร. สรรเสริญ เพิ่มเติมว่า
สำหรับเกาหลีใต้ได้แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับอาเซียนในเรื่องต่างๆ อาทิ
การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-เกาหลีใต้
เพื่อพัฒนาด้านนวัตกรรมให้กับภาคอุตสาหกรรมและการใช้ประโยชน์นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ระหว่างอาเซียน-เกาหลีใต้
การจัดตั้งศูนย์วิจัยมาตรฐานอาเซียน-เกาหลีใต้
สำหรับพัฒนามาตรฐานให้กับภาคอุตสาหกรรม
และจัดทำแผนงานนโยบายสตาร์ทอัพระหว่างอาเซียนกับเกาหลีใต้
เพื่อช่วยสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในภูมิภาค
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม
2564 เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 9 ของไทย โดยการค้าระหว่างไทยกับเกาหลีใต้
มีมูลค่า 9,102 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 34.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563
เป็นการส่งออกจากไทยไปเกาหลีใต้ มูลค่า 3,391
ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.6% และนำเข้าจากเกาหลีใต้ มูลค่า 5,711 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.7% สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่
ผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
24
กันยายน 2564