นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการหารือระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้เหล็ก หลังจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2564 นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ เข้าไปดูแลปัญหาราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นอยู่ในขณะนี้ เพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีเหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งหากไม่เร่งดูแลจะกระทบต่อไปยังปัญหาการจ้างงานในระยะต่อไปได้
รายงานข่าวระบุว่า เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น ซึ่งอยู่ในหมวดวัสดุก่อสร้าง เป็นสินค้าควบคุมที่ต้องมีการติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความต้องการของผู้บริโภคและมีผลกระทบโดยส่วนใหญ่ จึงจัดให้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องควบคุมดูแลทั้งด้านราคาและปริมาณ โดยสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้า และบริการควบคุมในปี 2563 ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ นอกจากนี้ ยังมีรายงานสินค้าในหมวดนี้ที่เป็นสินค้าควบคุมด้วย เช่น ท่อพีวีซี ปูนซีเมนต์ สายไฟฟ้า
อย่างไรก็ดี สินค้าที่เป็นสินค้าควบคุมภายใต้ประกาศดังกล่าวนั้น ก็เพื่อต้องการป้องกันปัญหาการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยการกำหนดราคาซื้อ-ขายเอง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค เมื่อสินค้าอยู่ภายใต้การดูแลก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งคุณภาพ ราคา การจำหน่าย หรือแม้แต่การติดป้ายบอกราคา รวมไปถึงการแจ้งปริมาณสินค้าด้วย เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ตามประกาศสินค้าควบคุมและบริการนี้มีสินค้าควบคุมทั้งสิ้น 55 รายการสินค้า ซึ่งอยู่ใน 10 หมวดสินค้า และ 1 หมวดบริการ
นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทางกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กได้มีการประชุมหารือเรื่องดังกล่าว เนื่องจากราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะนี้เป็นไปตามราคาตลาดโลก และยังถือเป็นช่วงโอกาสและจังหวะดีที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศเริ่มฟื้นตัวหลังจากที่หลาย ๆ ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเหล็กจากประเทศจีน จนทำให้เข้ามากดราคาในประเทศจนต่ำลง จนในที่สุดเหล่าผู้ประกอบการเหล็กก็ต้องออกมาปกป้องอุตสาหกรรม จนทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น