เว็บไซต์แชนแนลนิวส์เอเชีย รายงาน กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ แถลงวานนี้ (15 ก.พ.) คงคาดการณ์ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำปี 2564 ที่ 4%-6% เศรษฐกิจปี 2563 หดตัว 5.4% ดีกว่าที่เคยประเมินไว้ล่วงหน้าที่ -5.8% และเหนือกว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลที่ -6% ถึง -6.5% ถือเป็นปีที่เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544 และถดถอยหนักสุดนับตั้งแต่ได้เอกราช
สัปดาห์ก่อน นายกรัฐมนตรีลี เซียนหลุง กล่าวว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์จำนวนมากจะดีขึ้นในปีนี้ แต่บางภาคส่วนเช่นการขนส่ง ท่องเที่ยว และการบินอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น
เว็บไซต์นิกเคอิรายงานว่า สิงคโปร์ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ ทั้งยังตั้งเป้าฉีดวัคซีนผู้ใหญ่ทุกคนภายในเดือน ก.ย. การที่การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบวก แม้ข้อจำกัดการเดินทางที่บังคับใช้มานานยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจ
แนวโน้มเศรษฐกิจสิงคโปร์อาจมองได้ว่าเป็นภาพจำลองเศรษฐกิจในภูมิภาค ขณะเดียวกันการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคที่กำลังไปได้สวย และความสำเร็จในการฉีดวัคซีนสำคัญต่อการพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมทั้งการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
สำหรับทัศนะของผู้กำหนดนโยบายและนักวิเคราะห์ทั่วภูมิภาค ต่างมีความหวังควบคู่กับความระมัดระวังว่าอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
อินโดนีเซีย คาดว่าปีนี้จีดีพีขยายตัวระหว่าง 4.5%-5.5% จากที่เคยหดตัว 2.1% ในปีที่ผ่านมา เมื่อเดือนมี.ค. อินโดนีเซียเริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนมากไปแล้ว โดยตั้งเป้าฉีด 181 ล้านคนหรือ 70% ของประชากร ภายในเดือน มี.ค.2565 ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการภายในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึงราว 1.2 ล้านคน มากที่สุดในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนน่าจะเจอกับอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในประเทศที่มีหมู่เกาะมากมายอย่างอินโดนีเซีย อีกทั้งอัตราประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าฉีดวัคซีนชนิดใดด้วย ธนาคารยูไนเต็ดโอเวอร์ซีส์ของสิงคโปร์รายงานว่า ในสถานการณ์เลวร้ายที่ประสิทธิผลของวัคซีนแค่ 50% ฉีดให้ประชากร 35% จีดีพีอินโดนีเซียปีนี้อาจโตไม่เกิน 2%
ฟิลิปปินส์ก็สถานการณ์คล้ายกัน คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจขยายตัว 6.5%-7.5% เทียบกับปี 63 ที่เศรษฐกิจหดตัว 9.5% แต่ปีนี้กลับมาเป็นบวกได้เพราะกิจกรรมทางธุรกิจกลับมาเริ่มได้อีกครั้ง ประกอบกับเริ่มฉีดวัคซีน
ในมาเลเซียที่ยังคงอยู่ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สัปดาห์ก่อนธนาคารกลางแถลงจีดีพีปี 2563 หดตัว 5.6% โดยไม่ได้เผยเป้าจีดีพีประจำปี 2564 ถือเป็นตัวเลขเศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินเอเชียในปี 2541