อาลีบาบา เปิดตัวโมเดล New Manufacturing หรือระบบการผลิตแบบใหม่ เป็นครั้งแรก นำร่องที่ "โรงงานดิจิทัลชุนฉี" เป็นแห่งแรก
อลัน วู ซีอีโอ บริษัท ชุนฉี ดิจิทัล เทคโนโลยี ของอาลีบาบา กรุ๊ป หรือ Alibaba กล่าวว่า DATA ถือเป็นหัวใจสำคัญของ New Manufacturing หรือระบบการผลิตแบบใหม่ เพราะความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากขึ้น
พวกเขามองหาสินค้าเฉพาะบุคคล มากกว่าสินค้าที่ผลิตครั้งละมากๆ อย่างในอดีต ซึ่ง โมเดล New Manufacturing จะช่วยเหลือผู้ผลิตแบบดั้งเดิม ให้สามารถใช้โมเดลการผลิตที่ยืดหยุ่นตามความต้องการซื้อได้แบบเรียลไทม์
โดยใช้เทคโนโลยีและระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล ทำให้ผู้ผลิตแบบดั้งเดิมสามารถทำกำไรและบริหารจัดการจำนวนสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการแบบเฉพาะบุคคลของผู้บริโภคได้
โมเดล New Manufacturing ประกอบไปด้วย 4 เสาหลักดังนี้
1.โครงสร้างคลาวด์เอจพื้นฐาน หรือ Cloud-edge infrastructure สนับสนุนโดยเทคโนโลยีการประมวลผลคลาวด์เอจของ อาลีบาบา โครงสร้างคลาวด์เอจพื้นฐานสำหรับ New Manufacturing จะเชื่อมโยงกับซัพพลาย และดีมานด์ทางการผลิต ทำให้เกิดแพลตฟอร์มผู้บริโภคถึงผู้ผลิต หรือ C2M
2. ความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังอีกฝั่ง หรือ End-to-end data connection capability ซึ่งเทคโนโลยี IOT หรือ Internet Of Things ช่วยให้ New Manufacturing ใช้ข้อมูล end-to-end ระหว่างซัพพลายเชน ตั้งแต่ข้อมูลผู้บริโภค การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิตและโลจิสติกส์ การเตรียมข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพื่อการตัดสินใจและการทำธุรกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิต
3. ฮับการตัดสินใจโดย AI หรือ AI-driven decision-making hub โดยใช้การเรียนรู้เชิงลึก ความสามารถในการจดจำภาพ การประมวลผลภาษามนุษย์ (NLP) และเทคโนโลยีระดับสูงในการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า และเพิ่มการจัดการให้ทุกส่วนของ value chain
4. บริการการผลิตที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer-centric manufacturing services โดย New Manufacturing จะยึดมั่นในแบบแผนการผลิตตามความต้องการของผู้บริโภค โดยการประสานกันระหว่างสินค้า การสั่งสินค้าและการบริหารทุนข้าม value chain เพื่อให้ SME พัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
ในระยะแรก สินค้าที่จะผลิตที่ชุนฉี คือ เครื่องแต่งกาย ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีสายการผลิตยาว และมีการสต๊อกสินค้าสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมายาวนานสำหรับผู้ผลิตทั้งรายเล็กและรายใหญ่ การนำเทคโนโลยีใหม่แบบเรียลไทม์มาใช้
อลัน วู
ทั้งด้านการหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การวางแผนค่าใช้จ่าย โลจิสติกส์อัตโนมัติแบบอินเฮาส์ และระบบปฏิบัติการของชุนฉี จะทำให้โรงงานต่างๆ สามารถผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อจำนวนไม่มากได้ ด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผล และส่งมอบสินค้าได้เร็วขึ้น จึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ตั้งแต่ 25% จนถึง 55% โดยเฉลี่ย
นอกจากนี้ ชุนฉี ยังใช้โมเดลการวิเคราะห์เทรนด์และยอดขาย ควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มการออกแบบสินค้าที่นำ AI ของตนเองเข้ามาใช้ ทำให้ผู้ผลิตมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความนิยมของลูกค้า ระบบข้อมูลที่ดีขึ้นนี้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา และทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาสินค้าเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้า ไม่ให้พลาดโอกาสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้
อย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายถือเป็นหนึ่งในประเภทสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดซื้อขายของอาลีบาบาในจีน ดังนั้นอาลีบาบาจึงมีข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่นำมาสร้างความได้เปรียบในโมเดลนี้ได้อย่างมาก ในอดีตสินค้าที่ผลิตเกินความต้องการทำให้ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายเกิดค่าใช้จ่ายขึ้น 30% โดยเฉลี่ยทั้งอุตสาหกรรม
การที่อาลีบาบานำโมเดลนำร่องชุนฉีมาใช้ ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้จากทุกที่ การยกระดับการผลิต made-in-cloud จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถแข่งขันได้ในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โรงงานแห่งนี้ได้ทำงานร่วมกับ ผู้ขาย นักจัดรายการผ่านไลฟ์สตรีม และดีไซเนอร์แนวสตรีทแวร์ ของเถาเป่าและทีมอลล์ ในการค้นหาและทดลองโอกาสใหม่ๆ ด้านการผลิตสินค้าเครื่องแต่งกาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา สภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ได้แต่งตั้งให้โรงงานดิจิทัลชุนฉีเป็นหนึ่งใน Lighthouse ภายใต้เครือข่าย Global Lighthouse Network ซึ่งเป็นชุมชนของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี Fourth Industrial Revolution มาใช้ในการผลิตได้จริง
โดยการแต่งตั้งดังกล่าว แสดงถึงการยอมรับในความสำเร็จของชุนฉีในการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทรงพลัง เข้ากับข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค และนำโมเดล New Manufacturing แบบดิจิทัลเต็มรูปแบบมาใช้ได้จริง
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวชุนฉีเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวไปสู่ดิจิทัล ในอนาคตโรงงานดิจิทัลชุนฉีจะช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตเครื่องแต่งกายในการลดจำนวนสินค้าคงคลัง
ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น ในอนาคตโครงการนี้จะขยายการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการผลิตสินค้าอื่นๆ นอกเหนือจากแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย