หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม โดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 กระทั่งล่าสุดในเดือน มี.ค. ดัชนียังคงต่ำสุดในรอบ 28 เดือน หรืออยู่ที่ระดับ 88.0 ผลจากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาครัฐประกาศปิดห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว)จึงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศลดลง ทั้งการบริโภคสินค้าและบริการ ฉุดให้ดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเข้าไตรมาส 2/2563 จะยังลดลงเช่นกัน
ส.อ.ท.จึงตั้งรับสถานการณ์นี้ โดยตั้งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19ภาคอุตสาหกรรรม โดย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. เป็นประธาน ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการ 7 ชุด ซึ่งแต่งตั้งให้ รองประธาน ส.อ.ท. ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เป็นประธานคณะอนุกรรมการ (ตามกราฟิก) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา (consult) กำหนดแนวทางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจระยะสั้น-ระยะยาว กำหนดแนวทางการเยียวยา การช่วยเหลือในขณะนี้และหลังจบวิกฤต เตรียมข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาล
1.คณะอนุกรรมการมาตรการภาษีและการเงิน ทำหน้าที่รวบรวมประกาศมาตรการต่าง ๆ ทางด้านภาษีและการเงินของรัฐ-เอกชน ให้ผู้ประกอบการรับทราบเพื่อให้เข้าใจตรงกันลดปัญหาความสับสน โดยเฉพาะรายเล็ก และยังรวบรวมปัญหาเพื่อเสนอแก่ภาครัฐ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้ามาร่วมทำงาน
2.คณะอนุกรรมการมาตรการแรงงาน ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญมาก เพราะขณะนี้มีกฎหมายแรงงาน และมาตรการหลายอย่างที่รัฐประกาศออกมา ช่วยเหลือทั้งแรงงาน ทั้งผู้ประกอบการสิทธิประโยชน์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้รับนั้นเป็นเช่นใด รวมถึงยังมีกฎหมายฉบับไหนอีกที่แรงงานสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้
3.คณะอนุกรรมการมาตรการโลจิสติกส์ ต้องเร่งเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น และยังเป็นต้นทุนที่สูงอันดับ 1 ของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งคณะนอกจากดูเรื่องข้อกำหนดการเดินรถตามระยะเวลาของเคอร์ฟิวแล้ว ยังต้องดูเรื่องตัวแทนผู้รับ จัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (freight forwarder) การขนส่งที่ไหนจะได้ราคาดี โลจิสติกส์แบบไหนจะประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้ข้อมูลกับสมาชิกทุกคนรู้ถึงประโยชน์และลดต้นทุนด้านขนส่งให้ได้ ซึ่งจะมีตัวแทนจากกระทรวงคมนาคมเข้ามาร่วมทำงานเช่นกัน
4.คณะอนุกรรมการป้องกันการระบาดโควิด-19 ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลด้านโควิด ทั้งแนะนำสถานที่ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ ต้องการซื้อเพื่อไปขาย เพื่อไปบริจาค ซึ่งจะมีทีมแพทย์เข้ามาทำงานร่วมกัน
5.คณะอนุกรรมการสนับสนุนสมาชิก ทำหน้าที่รวบรวม content จากทั้ง 4 คณะข้างต้น ประสานต่อไปยังสมาชิกเพื่อรับทราบ รวมถึงทำโครงการช่วยเหลือสังคม เช่น บริจาคหน้ากากผ้า, ทำแผนช่วยเหลือสมาชิกในการจำหน่ายสินค้าผ่าน e-Commerce
6.คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่รวบรวมนำ content มาจัดรูปแบบใหม่ให้เข้าใจง่าย เผยแพร่ข้อมูลและมาตรการต่าง ๆ ของ ส.อ.ท. และภาครัฐไปยังสมาชิก สภาอุตสาหกรรมจังหวัด กลุ่มอุตสาหกรรม ภาคอุตสาหกรรม สาธารณชน ผ่านช่องทางโซเชียลที่เข้าถึงทั้งหมด
และ 7.คณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลังโควิด-19 ทำหน้าที่จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของสมาชิกที่ได้รับผลกระทบ กำหนดแนวทางการเยียวยา และการช่วยเหลือสมาชิก ซึ่งทางภาคเอกชนสนับสนุนและพร้อมที่จะเดินหน้าตามนโยบายเศรษฐกิจฐานราก (local economy)ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ในอนาคตอาจตั้งคณะอนุกรรมการด้าน e-Commerce เพิ่ม ทำหน้าที่เรื่อง payment finance trade produce เป็นต้น
นายสุพันธุ์ยอมรับว่า การฟื้นธุรกิจ เราจะต้องใช้ local economy มาช่วยโดยขณะนี้ต้องช่วยกันคิดว่า อะไรคือสิ่งที่ควรทำ อย่าง Made in Thailand เราจะทำกันยังไง เพราะต่อไปมันจะเป็นnew normal เราก็ต้องมาดูอุตสาหกรรมอะไรต้องทำอะไร และต้องทำงานกับรัฐมากขึ้น