นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานบอร์ดบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (กอป.) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และสถานการณ์ภัยแล้งได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอีรวมทั้งที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จึงได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สงครามเศรษฐกิจ หรือภาวะภัยแล้ง ซึ่งในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม และวันที่24 มีนาคม 2563 ได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติมาตรการดูแล และเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งมาตรการด้านการเงิน ภาษี การชดเชยรายได้และการเสริมความรู้
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ซึ่งมีผู้ได้รับสินเชื่อกว่าหมื่นรายนั้น พบว่ามีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 หรือภัยแล้ง จำนวนกว่า 5,600 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเกษตรแปรรูป บริการ ค้าปลีกและท่องเที่ยว ดังนั้นคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับสินเชื่อกลุ่มดังกล่าว โดยให้พักชำระหนี้เงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
นายกอบชัยกล่าวว่าผู้ที่มีสิทธิ์ต้องเป็นเอสเอ็มอี ที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อกองทุนฯ ที่ยังไม่ด้อยคุณภาพ (Non NPL)หรือไม่อยู่ในระหว่างที่ถูกกองทุนดำเนินคดีก่อนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 สามารถยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการด้วยความสมัครใจที่ธนาคารพัฒนาวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ(ธพว.)ได้ทุกสาขา ทั่วประเทศในเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ได้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน จนถึง 30 มิถุนายน2563
“ผู้ใช้สิทธิ์ต้องแสดงความประสงค์การขอพักชำระหนี้เงินต้น และยืนยันผลกระทบพร้อมระบุเหตุผลที่เกิดขึ้น พร้อมกับระบุประเด็นที่ประสงค์จะขอรับการส่งเสริม อาทิ ด้านการตลาด การเงิน และการผลิต เพื่อประกอบการพิจารณาและให้ความช่วยเหลือต่อไป ซึ่งการช่วยเหลือบรรเทาภาระการชำระหนี้ของเอสเอ็มอี ที่เป็นลูกหนี้กองทุนแล้ว ยังเป็นการเสริมสภาพคล่องและลดแนวโน้มการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อีกด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการกองทุนจะประเมินผลการใช้มาตรการดังกล่าวใน2 เดือนข้างหน้า” นายกอบชัยกล่าว
อนึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ก็ได้มีการออกมาตรการ “พัก-ขยาย-เติม” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยการทำงานเชิงรุก ส่งพนักงานสาขาทั่วประเทศสำรวจข้อมูลผลกระทบ ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ลงพื้นที่เข้าเยี่ยมกิจการ หรือติดต่อสอบถามผ่านโทรศัพท์ รวมถึงส่งจดหมายแนะนำเชิญชวนเข้าสู่มาตรการ “พัก-ขยาย-เติม” เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและคลายความกังวลให้กับลูกค้า ธพว. ทุกราย
ข้อมูลนับถึงวันที่ 5 มีนาคม2563 ที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้าธนาคารได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว จำนวน 11,894 รายคิดเป็นภาระหนี้ จำนวน 20,469ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง นอกจากนั้น เบื้องต้น ลูกค้ามีความต้องการขอวงเงินสินเชื่อใหม่เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง ประมาณ 565 ล้านบาท