นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีมาสู่ยุค 5จี ว่า จากการติดตามข้อมูลของภาคอุตสาหกรรมพบว่า การใช้งานเทคโนโลยี 5จี ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะจะช่วยควบคุมเครื่องจักรกับเครื่องจักรให้ทำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่นสูงขึ้น ลดต้นทุนด้านแรงงาน ลดความเสี่ยง หรือข้อผิดพลาดจากกระบวนการการผลิต ให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
“เทคโนโลยี 5จี จะส่งผลให้ไอโอทีเอไอ และบิ๊ก ดาต้า เข้ามามีบทบาทและทวีความสําคัญมากยิ่งขึ้น มีการนําหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงาน อุตสาหกรรม การจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ การใช้โดรนหรืออุปกรณ์เซ็นเซอร์เพื่อช่วยในการบริหารจัดการ รถยนต์มีระบบช่วยในการขับขี่ รวมไปถึงอุปกรณ์สวมใส่ติดตามตัวเพื่อช่วยในการดูแลคนงาน” นางสาวสุชาดากล่าว
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า การเข้ามาของเทคโนโลยี 5จี ในระยะแรกไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อผู้บริโภคทั่วไปเป็นหลัก แต่ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ และภาคการผลิต คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.5 - 5 ล้านล้านบาท ภายในปี 2578 หรือในอีก 15 ปี ข้างหน้า เพราะจะช่วยลดต้นทุนดำเนินงานในภาคขนส่ง การใช้หุ่นยนต์และเครื่องจักรอัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ลดการจ้างงานลง และผู้บริโภคเข้ามาซื้อขายได้เร็วขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาจะทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องเร่งปรังปรุงกฎหมาย กฎระเบียบให้เอื้อต่อการทำธุรกิจในยุค 5จี อาทิ กฎระเบียบด้านการขนส่ง กฎระเบียบการใช้โดรน เพราะเกษตรกรและธุรกิจต่างๆ จะใช้โดรนมากขึ้น การใช้ 5จี ตรวจสอบภัยแล้งกักตุนแหล่งน้ำ เกษตรกรที่ไม่ใช้เทคโนโลยีอาจถูกเอาเปรียบมากขึ้น หรือการเข้ามาของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ต้องมีกฎหมายเข้ามาควบคุมดูแล หรือการเข้ามาแทนที่ของหุ่นยนต์จะต้องปรับปรุงทักษะแรงงานอย่างไร ต้องระดมสมองว่าในยุค 5จี จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดบ้างและวางกฎระเบียบมาตรการต่างๆ เข้ามาแก้ไขก่อนที่จะเกิดปัญหา แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ กลุ่มขนาดเล็กจะมีปัญหามากที่สุด เพราะจะเกิดช่วงว่างทางธุรกิจ อาจปรับตัวไม่ได้จนกระทบกิจการให้ตายลง