นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ) เดือนมกราคม 2563 หดตัว 4.59% อยู่ที่ระดับ 103.32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 108.30 เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำเดือนมกราคม 2563 หดตัว 0.85%
ส่วนแนวโน้มดัชนีเอ็มพีไอเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สศอ.ประเมินว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนมกราคมเนื่องจากบรรยากาศสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐดีขึ้นหลังจากมีบรรลุข้อตกลงเจรจาการค้ารอบแรกที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของไทยมีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังค่อนข้างได้ผลดีอยู่ในระดับ 2 ยังไม่เข้าสู่ความรุนแรงระดับ 3 เพราะสามารถควบคุมการแพร่เชื้อไว้ได้ในวงจำกัด
นายอิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวเสริมว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในวงจำกัด เช่น อุตสาหกรรมอาหารสดที่เริ่มเห็นดัชนีเอ็มพีไอลดลงบ้าง จากผลพวงที่นักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ทำให้การบริโภคในประเทศที่มาจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 10-20% ของการบริโภคทั้งหมดในประเทศหายไปขณะที่อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปไม่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ สศอ.ประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้จีนหยุดการผลิตในอุตสาหกรรมที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของไทย ส่งผลให้อุตสาหกรรมไทยอาจประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบขั้นกลางที่พึ่งพาการนำเข้าจากจีนในสัดส่วนกว่า 23% อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์สำหรับคอมพิวเตอร์และยานยนต์ กลุ่มวงจรพิมพ์ แบตเตอรี่/เซลล์ปฐมภูมิสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มเคมีภัณฑ์อนินทรีย์และเคมีภัณฑ์อินทรีย์ ยางรถยนต์ ส่วนประกอบรถยนต์ ตัวถังรถยนต์ แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมเพียงระยะสั้น 1-2 เดือน เพราะไทยสามารถปรับตัวหาตลาดอื่นทดแทนได้
“ในแง่ดีคือความสามารถในการผลิตของจีนจะลดลงอีกไม่น้อยกว่า 6-8 เดือน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ เช่น หน้ากากอนามัย เคมีภัณฑ์ และอื่นๆ ที่จีนจำเป็นต้องนำเข้าจากไทยมากขึ้น โดยล่าสุดมีบริษัทผู้ผลิตจากจีนต้องการให้ไทยส่งออกเครื่องจักรหรือชิ้นส่วนประกอบสำหรับตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย N95 ในจีนด้วย” นายอิทธิชัยกล่าว
ปัจจุบันไทยนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมจากเมืองอู่ฮั่นของประเทศจีนโดยเฉพาะในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า พืชผักมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยประมาณ 0.1% คิดเป็นมูลค่า 245 ล้านเหรียญสหรัฐและสินค้าที่ไทยส่งออกไปเมืองอู่ฮั่นเช่น กลุ่มเครื่องมือแพทย์ สัตว์น้ำ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนประมาณ0.2-0.3% คิดเป็นมูลค่า 337 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายอิทธิชัยกล่าวว่า แม้ดัชนีเอ็มพีไอเดือนมกราคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจะหดตัว 4.59% แต่กลับยกตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4.43% สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมกราคมอยู่ที่ 66.48% สูงกว่าเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 64.02% ประกอบกับการนำเข้าสินค้าทุนประเภทเครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์โลหะขยายตัว 5.9% สะท้อนการฟื้นตัวค่อนข้างดีในระยะต่อไป