นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ในการประชุมประจำปีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ว่า จากรายงานการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลก ล่าสุดของไอเอ็มเอฟ ได้มีการประเมินเศรษฐกิจของประเทศไทยปีนี้ ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 2.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน และในปี 2563 เศรษฐกิจไทยก็จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 3% ใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประมาณการไว้ที่ 2.8%
“ประเทศไทยต้องหาทางปรับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับพื้นฐานของไทยขณะนี้ มองว่าสามารถเริ่มต้นในจุดที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ และต่อยอดได้เร็วกว่า โจทย์สำคัญคือ เราจะเร่งต่อยอดให้พัฒนาผลิตภาพต่างๆของไทยไปได้อย่างไร ธปท.มองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องก้าวไปสู่สังคมที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะยกระดับผลิตภาพของประเทศ”
สำหรับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า และลุกลามเป็นสงครามการค้าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้เริ่มมีความรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อการขยายตัวมูลค่าการค้าโลกปีนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งเป็นข้อกังวลของธนาคารกลางทั่วโลก เนื่องจากคนไม่สามารถคาดการณ์ว่าจะขยายผลไปเพียงใด และรุนแรงขึ้นหรือไม่ หรือมีแนวทางข้อตกลงได้ในเวลาใด และได้กระทบต่อเนื่องถึงการส่งออกของไทย ให้ลดลงต่อเนื่องแล้วในช่วงที่ผ่านมา
“เราต้องยอมรับว่า ในหลายๆอุตสาหกรรมของไทยที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ (Value Added) และเห็นว่าอุตสาหกรรมจะต้องพึ่งแรงงานจำนวนมากเป็นวัตถุดิบสำคัญ ในขณะนี้ไม่เหมาะกับประเทศไทยแล้ว เนื่องจากเงื่อนไข ของข้อจำกัดแรงงานของประชากรของไทย ที่ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่มีประชากรมากกว่าได้ และประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัยมากขึ้น จึงจะต้องปรับโครงสร้างเพื่อพัฒนาไปสู่การผลิตสินค้าที่ต้องการทักษะที่สูงขึ้น ซึ่งต้องการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตในหลากหลายภาคการผลิต และจำเป็นต้องเริ่มทำโดยเร็ว”.