นายอิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมผลักดันอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป (Food for Future) หนึ่งใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย(S-Curve) เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐและสอดรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และใช้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคตพร้อมก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารอนาคตของอาเซียน ควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าอาหารให้สอดรับกับเทรนด์อาหาร ที่จะเน้นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งโปรตีนทดแทน ตามความนิยมบริโภคเพื่อรักษาสุขภาพ
สศอ. จึงจัดทำแนวทางการพัฒนาอาหารวีแกนหรืออาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทย ซึ่งได้รับความนิยมแซงอาหารทุกประเภทในหมวดเพื่อสุขภาพและได้รับความสนใจมากจากผู้ผลิตสินค้าชั้นนำระดับโลก รวมทั้งกระแสความนิยมของผู้บริโภคทั่วโลกโดยเฉพาะชาวอเมริกาและยุโรป
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดอาหารวีแกนเติบโตก้าวกระโดด ตามการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นตลาดส่งออกอาหารที่สำคัญของไทย ทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยคนวีแกนในสหรัฐ เพิ่มจาก 2 ล้านคนในปี 2557 เป็น 20 ล้านคนในปี 2561 หรือ 80% ต่อปีในช่วง 4 ปีหลัง ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านอาหารของคนวีแกนในยุโรปเพิ่มจาก 74,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 13% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 5 ปีหลัง (ปี 2557-2561)
นอกจากนี้ สถิติจำนวนสินค้าใหม่ ที่ออกสู่ตลาดโลกในปี 2561 กลุ่มอาหารวีแกนมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 20% จากปีก่อนสูงกว่าสินค้าอาหารทั่วไปที่เพิ่มเพียง 10% ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการตลาดอาหารวีแกนที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้ามอันจะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการรวมทั้งเป็นแนวทางในการวางนโยบายการพัฒนาของภาครัฐ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืนต่อไป