นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอมั่นใจยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2562 จะเป็นไปตามเป้า ซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 7.5 แสนล้านบาทจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562 ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้การส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ 4 โครงการ มูลค่าลงทุน 28,270 ล้านบาท
ทั้งนี้ประกอบด้วย นางสาวณศิภัสร์ จิระโอฬารวิชญ์ กิจการผลิตโพลีคาร์บอเนต เรซิน เงินลงทุน 18,476 ล้านบาท, บริษัท เทคโนโลยี แอสเซ็ทส์ จำกัด กิจการดาต้า เซ็นเตอร์ เงินลงทุน 4,450 ล้านบาท, บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) กิจการผลิตโมโนโซเดียมกลูตาเมต เงินลงทุน 2,750ล้านบาท, โครงการ นาย Jiang Young Ming กิจการผลิตชิ้นส่วนผงโลหะอัดขึ้นรูปเงินลงทุน 2,594 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนในการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับกิจการเป้าหมายที่ตั้งอยู่นอกกรุงเทพฯ โดยกิจการเป้าหมาย
ที่ได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคล 5-8 ปี และได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปี กรณีที่ยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563 และต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564
มาตรการเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการอบรมพนักงานและมีส่วนร่วมในการพัฒนานักศึกษาก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการจัดตั้งสถานฝึกวิชาชีพ/สถาบันการศึกษาในสาขาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมระดับสูงสำหรับโครงการที่ยื่นคำขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมภายในปี 2564 และก่อนสิ้นสุดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของโครงการ
มาตรการสนับสนุนการจัดตั้งสถาบันเพื่อพัฒนาบุคลากรทักษะสูง โดยภาคเอกชน ผู้ประกอบการ (บริษัทแม่) ที่ดำเนินธุรกิจอื่นซึ่งไม่ใช่สถาบันการศึกษาและสถาบันฝึกอบรม หากลงทุนจัดตั้งสถานศึกษาหรือสถานฝึกฝนอาชีพ เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม (STEM) ระดับสูง และได้รับการเห็นชอบจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5 ปี ในวงเงิน 100% ของเงินลงทุนที่ใช้ลงทุนตั้งสถาบัน