เอกชนยังคงเป้าส่งออก 3-5% GDP ทั้งปี 3.7 – 4% เตรียมประเมินการประชุมกกร.ครั้งหน้า 2 กรกฎาคมมั่นใจส่งออกลดฮวบจากสงครามการค้า หวังการลงทุนการท่องเที่ยวและรัฐใช้มาตรการทางภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นครึ่งปีหลัง เตรียมเสนอสมุดปกขาวให้รัฐบาลใหม่ปลายเดือนมิถุนายนนี้
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่มีการปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้าระหว่างกันในล็อตที่เหลือทำให้การค้าโลกรวมถึงการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ซบเซา ซึ่งยอมรับว่าการส่งออกของไทยปีนี้อาจไม่สามารถขยายตัวเป็นบวกได้ตามที่คาดการณ์ไว้ 3-5% รวมถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ(GDP) จากปัจจุบันคาดเติบโตที่ 3.7-4%
“เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปีนี้ที่เติบโต 2.8% ถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 ปี 3 เดือนหรือ 17 ไตรมาส ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าการส่งออกหดตัวและมีสัญญาณทยอยหดตัวต่อเนื่อง โอกาสที่การส่งออกจะเป็นบวกเหมือนที่ผ่านมาจึงเป็นไปได้ยาก ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการส่งออกตัวเดียวจีดีพีคงเป็นลบ แต่เนื่องจากรายได้ของประเทศยังมีปัจจัยบวกอีกหลายด้าน เช่น การท่องเที่ยว การลงทุน การบริโภคในประเทศที่ยังพอไปได้ กกร.จึงอยู่ระหว่างติดตามข้อมูลรอบด้านทั้งปัจจัยบวกและลบ เพื่อประกอบการพิจารณาทบทวนปรับประมาณการส่งออกและจีดีพีอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค.นี้”
นอกจากนี้ ต้องจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศที่การจัดตั้งรัฐบาลมีความล่าช้าเป็นเรื่องที่ห่วง เพราะส่งผลให้การจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ล่าช้าออกไปด้วย เพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังอาจขยายตัวชะลอลงกว่าที่คาด โดยหวังว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศจะมีความชัดเจนโดยเร็ว และมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศไม่ให้เศรษฐกิจถดถอยลงมากไปกว่านี้
ทั้งนี้ กกร.เป็นห่วงและหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นภาวะการใช้จ่ายในประเทศและการกระตุ้นจากภาครัฐจะสามารถเป็นแรงส่งเศรษฐกิจไทยในยามที่ปัจจัยต่างประเทศประสบกับความยากลำบากได้
ทั้งนี้ กกร.เตรียมจัดทำข้อเสนอสมุดปกขาวเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้ทราบถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน การสร้างเข้มแข็งของภาคเอกชและการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เป็นต้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ประมาณการส่งออกและจีดีพีปีนี้ลดลงแน่นอน เพราะเริ่มเห็นการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้ติดลบ 1.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6.7% โดยวันนี้ไม่ได้หารือเรื่องการเมืองโดยตรง เพราะเบื้องต้นเห็นภาพการจับขั้วการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดเจนแล้ว จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ผลักดันและขับเคลื่อนการทำงานต่อเนื่อง และอยากเห็นบทบาทการทำงานร่วมกันระหว่างภาคเอกชน ซึ่งทาง กกร. อยากให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) เป็นประจำทุก 6 เดือน และการประชุมคณะกรรมการความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจเป็นประจำทุก 3-4 เดือน
“ขณะนี้ทำอย่างไรก็ได้ให้คนมีเงิน นำเงินออกมาใช้ให้มากที่สุด เกิดการกระตุ้นในประเทศให้มีและหมุนเวียนในประเทศ เช่น การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงนี้ซบเซา รวมถึงการทบทวทนความจำเป็นปลดล็อกมาตรการแอลทีวี ที่ต้องดำเนินการอย่างสมดุลไม่ให้มีการเก้งกำไร กระตุ้นสินค้าเกษตร ขยายตลาด พร้อมมีมาตรการทางการเงินช่วยเหลือเอสเอ็มอี”