ธปท.แจงงบการเงินปี 61 ขาดทุน 1.54 แสนล้านบาท ผลจากค่าบาทแข็ง และการเข้าไปดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้สิ้นปีนี้ขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 8.8 แสนล้านบาท ส่วนทุนของ ธปท.ติดลบ 1.17 ล้านล้านบาท ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับส่วนทุนสำรองเงินตราที่ยังมีกำไรสะสมกว่า 7.63 แสนล้านบาท ชี้ไม่กระทบการดำเนินการ ธปท.เพราะส่วนหนึ่งเป็นการตีราคาทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ขณะที่ศิษย์หลวงตาบัวจัดงานบุญประจำปี ส่งมอบทองคำเข้าทุนสำรองเพิ่มเป็นครั้งที่ 24 อีก 8 กิโลกรัม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ได้รับมอบทองคำจำนวน 8 กิโลกรัม จากคณะศิษยานุศิษย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ที่ได้รับจากการจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า 12 เมษาฯสืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” ตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัวญาณสัมปันโน เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา โดยมีพระอาจารย์ สุชิน ปริปุณโณ เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง เป็นผู้แทนคณะศิษยานุศิษย์ในการมอบทองคำ โดยการมอบทองคำเข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 24
วันเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานงบการเงินของ ธปท.ในส่วนของฝ่ายการธนาคาร ปี 61 ว่า ณ วันที่ 30 ธ.ค.2561 ธปท. มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 4.835 ล้านล้านบาท ขณะที่มีหนี้สิ้น 6.006 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ ธปท.มีส่วนของทุนติดลบ 1.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 60 ที่มีส่วนของทุนติดลบ 1.01 ล้านล้านบาท หรือติดลบเพิ่มขึ้น 160,000 ล้านบาท โดยส่วนของทุนประกอบด้วย ทุนประดิม 20,000 บาท เงินจัดสรรตามกฎหมาย 27,307 ล้านบาท เงินสำรองเพื่อรักษากำไรนำส่งรัฐ 624 ล้านบาท ขณะที่เงินสำรองที่เกิดจากตีราคาสินทรัพย์และหนี้สิน 241,094 ล้านบาท มีผลขาดทุนสุทธิสำหรับปี 61 ทั้งสิ้น 77,058 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากการตีราคาที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 76,110 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมในปีนี้ 153,969 ล้านบาท ทำให้ ธปท.มีภาระขาดทุนสะสมทั้งสิ้น 880,221 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 2561 ธปท.มีรายได้ทั้งสิ้น 110,019 ล้านบาท แบ่งเป็นดอกเบี้ยรับ 108,536 ล้านบาท เป็นรายได้จากค่าธรรมเนียม 560 ล้านบาท และเป็นรายได้อื่นๆ 922.5 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 187,077 ลานบาท โดยเป็นการจ่ายดอกเบี้ย 89,759 ล้านบาท ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ 65,619 ล้านบาท ขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุนสุทธิ 17,933 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน 5,153 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ 8,611 ล้านบาท โดยปีนี้ถือว่าเป็นปีแรกที่ ธปท.สามารถนำเงินทุนสำรองทางการระหว่างประเทศไปลงทุนได้เป็นกำไร เนื่องจากได้กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
ในการรายงานงบการเงินปีนี้ ธปท.ยังเปิดเผยบัญชีในส่วนของทุนสำรองเงินตรา โดยปีนี้ทุนสำรองเงินตรามีผลขาดทุน 30,024 ล้านบาท โดยทั้งหมดเกิดขึ้นจากการตีราคา 50,208 ล้านบาท แต่มีรายได้จากดอกเบี้ยรับจากการนำเงินไปลงทุน 19,453 ล้านบาท และรายรับจากการบริหารทุนสำรอง 731 ล้านบาท อย่างไรก็ตามแม้ปีนี้จะขาดทุน แต่ทุนสำรองเงินตรามีกำไรสะสมทั้งสิ้น 763,854 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ ธปท.สะสมแยกไว้ไม่เกี่ยวกับผลขาดทุนในบัญชีของฝ่ายการธนาคาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธปท.ได้มีการชี้แจงประกอบงบการเงินในปี 61 ด้วยว่า ปี 61 เป็นปีที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ ระบบการเงินไทยมีความมั่นคง ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และทำให้ ธปท.ต้องดำเนินการเพื่อดูแลค่าเงินบาท และสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจ ทั้งการเข้าไปลดความผันผวนของค่าเงินบาท และการออกพันธบัตร ธปท.เพื่อปรับสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสม ขณะเดียวกัน ยังมีผลจากการตีราคาค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ต่างประเทศที่มีอยู่ในทุนสำรอง ซึ่งมีการกำหนดให้ตีราคาทั้งจำนวนทุกสิ้นปี ดังนั้นเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับปีที่ผ่านมา จะส่งผลให้มีผลขาดทุนจากการตีราคาเกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งส่วนที่เกิดขึ้นจริง เมื่อ ธปท.มีการซื้อขายเงินตราต่างประเทศออกไปในช่วงปีนี้ และส่วนที่ผลขาดทุนยังไม่เกิดขึ้นจริง เพราะ ธปท.ไม่ได้ขายสินทรัพย์ต่างประเทศออกไปทั้งหมด แต่การตีราคาในการทำงบการเงินต้องตีราคาทั้งจำนวน
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญคือ ผลกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคา ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการทำพันธกิจของ ธปท.เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะในข้อเท็จจริง ธปท.ยังมีทุนสำรองเต็มจำนวน สำหรับการรองรับความผันผวนจากต่างประเทศ และตามปกติหากเห็นงบการเงินของธนาคารกลางขาดทุนในบางช่วง อย่าเพิ่งกังวลใจเพราะอาจจะเป็นผลจากการตีราคา ขณะที่หนี้สินของธนาคารกลางแตกต่างจากหนี้สินของธุรกิจ เนื่องจาก 1.หนี้สินของ ธปท.เกิดจากการพิมพ์ธนบัตรออกใช้ ให้เพียงพอกับความต้องการของระบบเศรษฐกิจ 2.การดูแลเสถียรภาพ รักษามูลค่าของเงินบาทและสินทรัพย์ของคนไทยไม่ให้ด้อยค่าลง