นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม รักษาการแทน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หารือร่วมกับสำนักงบประมาณ จัดทำงบประมาณเพิ่มเติมปี’62-64 วงเงินรวม 8,000 ล้านบาท ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติ,ดำเนินโครงการส่งเสริมการปฏิรูปเอสเอ็มอี 4.0 ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มใหญ่ที่จะเป็นศูนย์รวมข้อมูลทุกโครงการที่ส่งเสริมช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ ต้องจัดทำมาตรการเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้มาตรการ หรือข้อมูลต่างๆ ที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยังกระจายหลายที่ ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่นี้ จะเป็นการช่วยเจาะลึกถึงปัญหาของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างเข้มข้น และช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการ เช่น การแจกคูปองให้บริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะรายปีละ 3 ครั้ง จากปกติค่าใช้จ่ายเฉพาะครั้งไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท โดยผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว ส่วนหนึ่งจะมาจากกลุ่มที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ได้เทรนโค้ชไว้, แพลตฟอร์มเทคโนโลยีและงานวิจัย จะจัดตั้งศูนย์พัฒนาและทดสอบระบบอัตโนมัติ เพื่อพัฒนาบุคลากร ให้เป็นผู้วางระบบอัตโนมัติได้ รวมทั้งจะสร้างโรงงานต้นแบบ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาเรียนรู้ นำไปพัฒนาธุรกิจตัวเองได้
“โครงการใหม่นี้เป็นการเจาะลึกถึงปัญหาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ช่วยเหลืออย่างตรงจุดมากขึ้น จากที่ผ่านมามาตรการต่างๆ ที่กระทรวงจัดทำขึ้น หรือหน่วยงานอื่นทำขึ้น เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ถ้าเปรียบให้เห็นภาพชัด เหมือนแต่ก่อนเข้าโรงพยาบาลรักษาอาการทั่วไปแล้ว แต่ตอนนี้ส่งต่อมารักษาอาการเฉพาะด้านจากหมอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรักษาให้ตรงจุด” นายสมชายกล่าว
สำหรับโครงการเบื้องต้นที่อยู่ในแพลตฟอร์มใหม่ เช่น แพลตฟอร์มโรงงานรับจ้างผลิต หรือโออีเอ็ม เป็นการรวบรวมข้อมูลผู้ผลิตโออีเอ็มในสาขาอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาดูได้ว่า หากจะผลิตสินค้าจำนวนไม่มาก เพื่อทดลองตลาดมีโรงงานใดบ้างที่รับจ้างผลิต ซึ่งบางส่วนจะมีคูปองให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใช้ผลิตสินค้านวัตกรรมต้นแบบสู่ตลาด, แพลตฟอร์มศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมอนาคต หรือไอซีที เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงการให้บริการ โดยจะจัดทำเป็นไอทีซี โมบาย ยูนิต จัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เข้าสู่ชุมชนต่างๆ, การพัฒนาทักษะการผลิต ผู้ประกอบการ ส่วนหนึ่งจะร่วมกับอาชีวะ ในการพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การควบคุมหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ รวมทั้งพัฒนาแรงงานเดิมให้มีทักษามากขึ้น